เสือตัวที่ 6
เหตุอุกอาจที่เกิดขึ้นเมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมา ในพื้นที่ จ.นราธิวาส ด้วยขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐที่นำโดยกลุ่มบีอาร์เอ็นได้ส่งกองกำลังติดอาวุธจำนวนไม่น้อยกว่า 10 คน ภายใต้การสนับสนุนอย่างเป็นขบวนการของบรรดาแนวร่วมมวลชนของขบวนการร้ายแห่งนี้ในพื้นที่อย่างสอดประสานเยี่ยงกองโจรและขบวนการแนวร่วมมืออาชีพ โดกองกำลังติดอาวุธของขบวนการร้ายแห่งนี้ได้เข้าโจมตีเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลาบาลา ซึ่งตั้งอยู่บ้านบาลา ม.5 ต.โละจูด อ.แว้ง จ.นราธิวาส พร้อมทั้งได้ใช้อาวุธปืนข่มขู่มัดมือมัดเท้าเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทั้งหมดจำนวน 10 คน ก่อนที่จะทำลายทรัพย์สินของรัฐด้วยการเผาอาคารสำนักงานและบ้านพักของเจ้าหน้าที่ จำนวน 4 หลัง ได้รับความเสียหายทั้งหมด และได้ยึดอาวุธประจำกายของเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลาบาลา ไปทั้งหมดไม่น้อยกว่า 10 กระบอก อย่างอหังการ ทั้งคนร้ายกลุ่มนี้ยังสามารถหลบหนีไปได้อย่างลอยนวลเช่นทุกครั้งที่ผ่านมาโดยหน่วยงานภาครัฐที่มีอยู่มากมายในพื้นที่ไม่มีข้อมูลข่าวสารการวางแผนเข้าโจมตีครั้งนี้แต่อย่างใดอีกเช่นเคย
ปรากฏการณ์ก่อการร้ายของกองกำลังติดอาวุธหัวรุนแรงของขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐทุกครั้งที่ผ่านมารวมถึงครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของผลพวงที่เกิดจากปฏิบัติการหลายมิติที่มุ่งลดทอนศักยภาพในการต่อสู้ของรัฐให้น้อยลงจนไม่สามารถตอบโต้ปฏิบัติการของกองโจรกลุ่มนี้ได้อย่างเต็มกำลัง ทำให้ศักยภาพในการต่อสู้ของรัฐต่อขบวนการร้ายแห่งนี้เป็นฝ่ายเสียเปรียบกลุ่มก่อการร้ายเหล่านี้ทุกรูปแบบ ตั้งแต่การบั่นทอนศักยภาพด้วยการด้อยค่าของหน่วยงานด้านความมั่นคงของรัฐ โดยมุ่งเป้าไปที่ กอ.รมน. รวมทั้งกองทัพที่เกี่ยวเนื่องกับการต่อสู้กับพวกเขา ผ่านการให้ความเห็นสาธารณะและการผลักดันกฎหมายที่จะส่งผลให้เป็นการมัดมือมัดเท้าหน่วยงานทั้งสองดังกล่าวข้างต้นให้อ่อนแอลง อาทิ นักวิชาการและนักการเมืองกลุ่มหนึ่งที่เป็นแกนนำต่อสู้ทางความคิดของขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐได้พยายามผลักดันแนวคิดการแก้กฎหมายของ กอ.รมน. ที่จะส่งผลให้ กอ.รมน. ง่อยเปลี้ยเสียขามากที่สุดโดยกล่าวอ้างสิทธิและเสรีภาพของประชาชน(ในพื้นที่ปลายด้ามขวาน) ตามรัฐธรรมนูญ
การมุ่งสาระสำคัญคือ การยุบเลิก กอ.รมน. อย่างสิ้นเชิงโดยไม่ใช่เป็นเพียงการปรับปรุงแก้ไขสาระสำคัญใดๆ ทั้งที่ กอ.รมน.เป็นหน่วยงานที่ถูกออกแบบมาเพื่อปฏิบัติงานที่มีความยืดหยุ่นสูงด้วยมีเครื่องมือพิเศษที่สามารถต่อกรกับการก่อการร้ายหรือขบวนการใดๆ ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ได้อย่างเหมาะสมเท่าเทียม โดยประเด็นความสำคัญของ กอ.รมน. ที่มีหน้าที่ในการระงับยับยั้งภัยความมั่นคงของประเทศ ซึ่งภัยปัจจุบันมีพัฒนาการขึ้นมาต่างจากอดีต เช่น ภัยคอมมิวนิสต์ ภัยสงคราม ภัยการก่อการร้าย จวบจนปัจจุบันนี้ ภัยคุกคามต่อความเป็นเอกภาพของชาติได้แปรผันไปเป็นภัยจากขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐในพื้นที่ปลายด้ามขวานที่กำลังเป็นภัยคุกคามหลักที่มีต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งอาณาเขตของรัฐอย่างชัดเจน การต่อสู้กับขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐกลุ่มนี้จึงต้องอาศัยความร่วมมืออย่างจริงจังและการบูรณาการทุกหน่วยงานของรัฐเพื่อให้ปฏิบัติการต่อสู้กับขบวนการร้ายแห่งนี้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อตอบสนองภัยได้อย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นต้องมี พ.ร.บ. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร 2551 หรือ จำเป็นต้องมี กอ.รมน. เพื่อตอบสนองภัยคุกคามจากขบวนการร้ายแห่งนี้ในรูปแบบเฉพาะ ที่มีความยืดหยุ่นมากพอที่จะตอบสนองภัยได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ดังนั้นหากออกกฎหมายยุบเลิก กอ.รมน. หรือปรับแก้อำนาจหน้าที่ใหม่ที่ไม่สอดคล้องกับภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติในพื้นที่ จชต. ย่อมเป็นกระบวนการที่ถูกวางไว้เพื่อนำไปสู่การลดทอนศักยภาพในการต่อสู้ของรัฐที่จะมีต่อขบวนการ้ายแห่งนี้ ในขณะเดียวกันก็จะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการต่อสู้ของขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐกลุ่มนี้ให้มากพอที่จะนำไปสู่เอกราชของรัฐปาตานีในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งได้ง่ายขึ้น การลดทอนศักยภาพในการต่อสู้ของรัฐกับขบวนการได้ถูกบั่นมอนตลอดมาจนส่งผลให้เจ้าหน้าที่รัฐอ่อนแอในการต่อสู้ทุกรูปแบบด้วยเกรงว่าจะส่งผลให้เป็นการละเมิดกฎหมาย ในขณะที่ฝ่ายขบวนการร้ายแห่งนี้ต่อสู้นอกกติกามาตลอด ด้วยการก่อการร้ายทำลายชีวิตและทรัพย์สินของผู้บริสุทธิ์ได้ตามอำเภอใจภายใต้การสนับสนุนของแนวร่วมขบวนการในทุกมิติ อาทิ การต่อสู้ทางกฎหมายในคดี อ.ตากใบ ทำให้เมื่อ 12 กันยายน 2567 อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่เป็นอดีตข้าราชการระดับสูงในพื้นที่ จชต. ทั้ง 8 นาย โดยอัยการสูงสุดมีคำวินิจฉัยว่า แม้จำเลยทั้ง 8 คน จะไม่ประสงค์ต่อผลที่จะให้ผู้ตายถึงแก่ความตายก็ตาม แต่การบรรทุกผู้ชุมนุมกว่าพันคน อันเป็นการแออัดเป็นเหตุให้ผู้ตายทั้ง 78 คน ขาดอากาศหายใจ ดังนั้นการกระทำของจำเลยทั้ง 8 คน จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ซึ่งผลของการสั่งฟ้องของอัยการสูงสุดต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีตากใบครั้งนี้ จึงเป็นกรณีตัวอย่างที่จะส่งผลต่อความมั่นใจตลอดจนขวัญและกำลังใจในการต่อสู้ของเจ้าหน้าที่รัฐโดยตรง
การก่อเหตุร้ายของคนกลุ่มหัวรุนแรงของขบวนการร้ายแห่งนี้ กระทำการเยี่ยงมืออาชีพตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาครั้งแล้วครั้งเล่าจวบจนปัจจุบัน จึงเต็มไปด้วยความเหิมเกริม อุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมายและไม่ยำเกรงต่อเจ้าหน้าที่รัฐแม้แต่น้อย ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นผลมาจากการต่อสู้ในมิติคู่ขนานกันหลายเวที ทั้งเวทีทางวิชาการที่มุ่งให้ความเห็นด้านเดียวที่เป็นประโยชน์ต่อการแยกการปกครองจากรัฐไทยต่อสาธารณะ การผลักดันกฎหมายในสภาที่มุ่งบั่นทอน ทำลายองค์กรด้านความมั่นคงซึ่งเป็นคู่ต่อสู้อันดับหนึ่งของพวกเขา เพื่อลดหรือทำลายศักยภาพในกรต่อสู้ของรัฐให้น้อยลงจนไม่เหลือพลังมากพอในการต่อสู้กับพวกเขา การเดินเกมที่มุ่งสร้างบทเรียนเป็นกรณีตัวอย่างต่อเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงในอดีตเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาจนมีการสั่งฟ้อง ทั้งที่บุคคลเหล่านั้นจะกระทำเพื่อการรักษาความมั่นคงของชาติ และรักษาเอกภาพตลอดจนบูรณภาพแห่งอาณาเขตของรัฐก็ตาม การดำเนินการของขบวนการร้ายในทุกมิติดังกล่าว จึงเป็นการลดทอนศักยภาพในการต่อสู้ของรัฐโดยรวมในที่สุด