ดูเหมือนว่าเกิดความเคลื่อนไหวที่มาจาก ฐานความคิด และ ความกลัว ในทิศทางเดียวกัน สำหรับ พรรคการเมือง ทุกค่าย เมื่อก่อนหน้านี้เกิดรายการ เชือดไก่ให้ลิงดูกันไปแล้ว กรณี เศรษฐา ทวีสิน มีอันต้องหลุดจากเก้าอี้ นายกฯคนที่ 30 เนื่องจากเข้ายข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง การแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ทั้งที่รู้ว่า คุณสมบัติ มีปัญหา
จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยมติ 5ต่อ 4 เสียงชี้ว่า เศรษฐา ต้องหลุดตำแหน่งนายกฯ ส่งผลให้ นักการเมือง ทุกค่าย ทุกขั้ว ทุกสี พากัน ขยาด คำว่า ผิดจริยธรรมร้ายแรง ที่ถูกบัญญัติเอาไว้ในรัฐธรรมนูญ
ซึ่งในคำวินิจฉัยคดีถอดถอน เศรษฐาที่ผ่านมา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ระบุชัดเจนว่าเป็นการวางบรรทัดฐานให้นักการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต้องมีจริยธรรม ต้องมีความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ได้กลายเป็นเหมือน สึนามิ ที่กระทบ และพร้อมที่เข้าสร้างความสุ่มเสี่ยง จนทำให้ ถูกสอย หลุดจากเก้าอี้รัฐมนตรีได้ทุกเมื่อ !
ล่าสุดมีการขยับจากทั้ง ฝ่ายรัฐบาล และ ฝ่ายค้าน ที่มีความเห็น เตรียมเสนอแก้ไขรัฐธรรนูญ รายมาตรา โดยเฉพาะการวางกรอบ การ กำหนดกรอบ คำว่า จริยธรรม นั้นจะครอบคลุม ไปถึงไหนและอย่างไร โดยฝ่ายรัฐบาล มี ชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ มือกฎหมายจากพรรคเพื่อไทย ที่ลงมาทำเรื่องนี้อย่างแข็งขัน
โดยชูศักดิ์ ระบุว่าพรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพกำลังยกร่างอยู่ เข้าใจว่าใกล้จะเสร็จแล้ว มีทั้งหมด 4-5 มาตรา โดยจะกำหนดกรอบกฎหมายให้มีความชัดเจน ไม่ต้องตีความอะไรมาก ขณะที่ฝ่ายค้านก็กำลังพิจารณายกร่างกฎหมายเรื่องนี้เช่นกัน แต่ละพรรคจะต่างคนต่างยื่นร่างเข้าสภาฯ
สมมติว่าคุณอ่านรัฐธรรมนูญ ไม่มีพฤติกรรม ฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งไม่ทราบว่าตีความอย่างไร จึงอยากกำหนดให้หากใครถูกร้องหรือระหว่างถูกฟ้องในชั้นศาลว่าฝ่าฝืนจริยธรรม ซึ่งจะทำให้การตีความชัดเจนขึ้น นายชูศักดิ์ ระบุ
อย่างไรก็ดีมีการตั้งข้อสังเกตว่าฝ่ายที่ได้ประโยชน์คือ นักการเมือง โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองสีส้ม เองที่ถูกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจนถูกยุบพรรค และเสีย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรค ไปในคราวเดียวกันมาแล้ว แม้จะเป็นคำร้องที่ไม่เกี่ยวกับ ปมจริยธรรมก็ตาม แต่อย่าลืมว่า การสร้างกลไก เพื่อ ป้องกันตัวเอง ด้วยการวางกรอบ และความชัดเจนเรื่องจริยธรรม ความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ยังเป็นการสกัดไม่ให้ นักร้อง มือทำงานจากศัตรู ลุยยื่นคำร้อง ไม่หยุดหย่อน
เมื่อพรรคเพื่อไทยขยับ ปรากฏว่า พรรคประชาชน โดย ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒนสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ยอมรับกับสื่อว่าพรรคได้ยื่นร่างแก้ไขรายมาตรา กลุ่มประเด็นว่าด้วยจริยธรรมทั้งระบบ ต่อ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ไปเรียบร้อยแล้ว
สำหรับพรรคประชาชนแล้ว อย่าลืมว่า ผลจากคดียุบพรรคก้าวไกลที่ผ่านมา จนถึง ณ วันนี้ ยังมีคดีที่ค้างคาอยู่ นั่นคือการที่ 44 สส. ที่เป็นอดีตพรรคก้าวไกล ถูกร้องไปยังคณะกรรมการป.ป.ช. เพื่อพิจารณาคำร้องให้ตรวจสอบจริยธรรม เนื่องจากเคยร่วมลงชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ล่าสุดป.ป.ช.ทยอยเรียกสส. กลุ่มนี้มาให้ถ้อยคำ แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งเรื่องนี้ป.ป.ช.มีกรอบเวลาพิจารณาถึง 2ปี ดังนั้นหมายความว่า 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ก็ยังคงหายใจไม่ทั่วท้อง !