ค่ำของวันที่ 15 ก.ย.67 ที่ผ่านมา แกนนำพรรคประชาชน นำโดย “ณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ” ในฐานะหัวหน้าพรรค ตลอดจน “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ต่างยอมรับความพ่ายแพ้ ผลการเลือกตั้งซ่อมสส.พิษณุโลก เขต 1 พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับ “พรรคเพื่อไทย” ในฐานะ “ผู้ชนะ”
ผลคะแนนปรากฏออกมาอย่างไม่เป็นทางการ หลังการปิดหีบเลือกตั้งซ่อมสส.พิษณุโลก เขต 1 โดยชัดเจนว่า “จเด็ศ จันทรา” ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ได้ 35,230 คะแนน ขณะที่ “ณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์” จากพรรคประชาชน ได้ 28,486 คะแนน ห่างกัน 6,744 คะแนน
ในความเป็นจริงแล้วชัยชนะครั้งนี้สำหรับพรรคเพื่อไทยแล้ว อาจมีความหมายน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบ กับพรรคประชาชน เพราะพรรคสีส้มเป็น แชมป์เก่า เขตเลือกตั้งนี้ เคยเป็นของ “หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา มาก่อน และยังถือเป็น “สนามแรก” เมื่อพรรคสีส้ม เปลี่ยน “หัวหน้าพรรค” อีกทั้งเพิ่งผ่านสถานการณ์เปลี่ยนผ่าน ถูกยุบพรรคก้าวไกล
ดังนั้น เขตเลือกตั้งที่ 1 แห่งนี้จึงเป็นเหมือน “ความหวัง” ของพรรคประชาชน และยังเป็นตัวชี้วัด “กระแส” ว่าวันนี้ นาทีนี้ ยัง “แรง” อยู่หรือไม่
โดยเฉพาะในวันที่ พรรคสีส้ม ไม่มีหัวหน้าพรรคที่ชื่อพิธา อีกแล้ว แม้ก่อนวันลงคะแนน พรรคจะระดมทุกสรรพกำลังลงไปช่วยผู้สมัคร หาเสียงกันอย่างคึกคัก ทั้งธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ , ปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำจากคณะก้าวหน้า รวมทั้งพิธา ยังบินกลับมาจากต่างประเทศ เพื่อช่วยหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้าย
ความเสียหายที่ขึ้น ที่แนวรบเขต 1 พิษณุโลก ครั้งนี้ ย่อมมีมากต่อพรรคประชาชน ขณะที่พรรคเพื่อไทยเอง การได้เพิ่ม 1เสียง หรือจะแพ้เลือกตั้ง ย่อมไม่ใช่ “ตัวเลข” ที่นั่งสส.ในสภาฯ อันจะทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองต่อพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด
อย่าลืมว่าวันนี้ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ผู้มีบทบาทต่อพรรคเพื่อไทยและการตั้งรัฐบาล ได้เปลี่ยนมาใช้สูตร รวมเสียง “พรรคร่วมรัฐบาล” แล้ว โดดเดี่ยว “พรรคประชาชน” ให้เป็น “ฝ่ายค้าน” ตามลำพังในสภาฯอย่างชัดเจนอยู่แล้ว
การต่อสู้ทางการเมืองสำหรับพรรคประชาชน ผ่านสนามเลือกตั้งเขต 1 พิษณุโลก จึงเต็มไปด้วยความยากลำบาก มากกว่าพรรคเพื่อไทยอย่างที่เห็น !