สถาพร ศรีสัจจัง

แม้ดินแดนที่ถูกประเมินโดยนักประวัติศาสตร์ โบราณคดียุคปัจจุบันว่าคือ “สุวรรณภูมิ” หรือ “แผ่นดินทอง” นั้นจะกินความรวมถึงพื้นที่ของ “รัฐชาติ” ปัจจุบันหลายรัฐ และ ในบรรดารัฐ ที่ว่าเหล่านั้น ที่มีพื้นที่ติดต่อ และ “ร่วมประวัติศาสตร์” กันมาอย่างยาวนานกับ “รัฐไทย” ปัจจุบันก็มีหลายรัฐด้วยกัน ได้แก่ พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม

หลักฐานเกี่ยวกับการเกิดขึ้นของ “ชื่อเรียกชุมชนขนาดใหญ่ที่มีศูนย์กลางในการปกครอง” ในดินแดน “สุวรรณภูมิ” ส่วนนี้ ที่บ้างก็เรียกว่าเป็น “เมือง” จนกระทั่งถึงกับเรียกเป็น “อาณาจักร” (ก็มี) ที่สำคัญๆมีหลายชื่อด้วยกัน(ตามยุคสมัย)

แต่ “นามอาณาจักร” ในพื้นที่แถบนี้ยุคแรกๆ ที่บรรดานักวิชาการ “พบหลักฐาน” (ส่วนใหญ่เป็นเอกสารจีน/และหลักฐานทางโบราณคต่างๆจากการขุดค้นในชั้นหลัง)คือนามของ “อาณาจักรฟูนัน”

แม้หลักฐานจะยังไม่ “แน่น” นัก แต่นักวิชาการยุคปัจจุบันก็มักสรุปร่วมกันได้ประมาณว่า “อาณาจักร” นี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงพุทธศตวรรตที่ 6-10 โดยมีเมืองศูนย์กลาง(อำนาจ)อยู่แถบปากแม่น้ำโขง ที่ปัจจุบันคือส่วนที่เป็นประเทศเวียดนามและกัมพูชา

รวมทั้ง “ฟูนัน” อาจมีอำนาจทาง “เศรษฐกิจ-การเมือง” แผ่ไกลไปถึงส่วนที่เป็นแผ่นดินไทย-ลาว และ พม่า ปัจจุบัน ไปจนถึงสุดเขตแหลมมลายูก็อาจเป็นได้

แต่ “นาม” ที่นักประวัติศาสตร์โบราณคดีกำลังพบหลักฐานมากมายเกี่ยวกับส่วนที่เป็นแผ่นดินไทยปัจจุบันคือ “ทวารวดี”

นักวิชาการทั้งโลก(ที่สำคัญคือของไทยเราเอง)พบว่า พื้นที่ที่เรียกกันว่า “สุวรรณภูมิ” ซึ่งมีพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นที่ตั้งของ “รัฐไทย” ปัจจุบันนั้น มี “ฐานราก” สำคัญอยู่ที่นาม “ทวารวดี” ซึ่งก่อตัวเป็นรูปชุมชนขนาดใหญ่ที่มีหลักฐานทาง “วัฒนธรรม”ชัดเจนมาตั้งแต่ช่วงข้อต่อระหว่างยุคก่อนประวัติศาสตร์กับยุคประวัติศาสตร์!

คืออย่างน้อยก็ตั้งแต่ช่วงพุทธศตวรรตที่ 10-12 เป็นต้นมา ! แล้ว “ทวารวดี” คืออะไร และ อย่างไรกันละ? เอาให้ง่ายก็ขอตอบตามที่ “วิกิพีเดีย” “ประมวลผล” ไว้เช่นเคยละนะ …วิกิพีเดียอธิบายคำ “ทวารวดี” โดยสรุปไว้ให้ว่า :

“…ทวารวดีคือสมัยทางประวัติศาสตร์โบราณคดีและประวัติศาสตร์ศิลปะของประเทศไทย มีอายุอยู่ในช่วงประมาณพุทธศตวรรตที่ 12-16 (พ.ศ.1100-1500) นอกจากนี้ทวารวดียังมีสถานะเป็น “วัฒนธรรมทวารวดี” โดยหมายถึงลักษณะวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน อันสะท้อนผ่านหลักฐานทางโบราณคดีที่ได้ค้นพบตามชุมชนหรือเมืองโบราณสมัยทวารวดี วัฒนธรรมทวารวดีมีพื้นฐานมาจากวัฒนธรรมช่วงก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย ผสมเข้ากับวัฒนธรรมอินเดียที่แพร่หลายเข้ามายังภูมิภาคนี้ ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางสังคมวัฒนธรรมของผู้คนในแถบนี้ในแง่มุมต่างๆ ทั้งการนับถือศาสนา

การสร้างบ้านเมือง และระเบียบแบบแผนทางสังคม…”

จากข้อมูลนี้ อย่างน้อยเราก็ตอบคำถามได้ในระดับ “มีนัยสำคัญ” ทีเดียวว่า “ระบบศักดินา” ที่ได้รับการสถาปนาขึ้นในดินแดนที่เป็น “รัฐไทย” ปัจจุบันนั้นมาจากไหน?เริ่มมาแต่เมื่อไหร่?และที่สำคัญคือมีองค์ประกอบ,คุณลักษณะ และ “พัฒนาการ” ที่สำคัญอย่างไรบ้าง?

เพราะหลักฐานซึ่งพบในยุค “ทวารวดี” ที่ว่า บอกถึง “…การสร้างบ้านเมืองและระเบียบแบบแผนทางสังคม…” เอาไว้ด้วย!

ขอพักเรื่อง “ระเบียบแบบแผนทางสังคม” เอาไว้ก่อน ตอนนี้มาเติมความรู้เกี่ยวกับคำ “ทวารวดี” กันอีกสักนิด

ปัจจุบันแม้จะยังไม่มีนักวิชาการท่านใด “ฟันธง” ลงไปได้ชัดๆว่า ศูนย์กลางของ “ทวารวดีอยู่ที่ไหน?” (ในแง่พื้นที่) แต่ก็มีคำตอบ(อย่างมากหลักฐานอ้างอิง)ว่า หลายชื่อ “เมือง” ดังต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับ “ทวารวดี” อย่างแน่นนอน!

“ศรีเทพ”/ “นครปฐม”/ “อู่ทอง”/และ “ลพบุรี”(อาจจะมากกว่านี้)

เฉพาะชื่อเมือง “ศรีเทพ” ที่กำลัง “ฮอต” ในหมู่ “นักเที่ยวไทย” (ทั้งคนไทยและต่างชาติ) เพราะเพิ่งได้รับการยกย่องเป็น “มรดกโลก” ไปหมาดๆเมืองเดียว ก็ศึกษาหลักฐานเกี่ยวกับ “ทวารวดี” แทบไม่หวาดไม่ไหว

ทั้งชิ้นสำคัญๆที่ถูกขาย(เพราะความไม่รู้คุณค่าและเพราะแรงเร้าของยุค “เงินเป็นใหญ่”) ให้ต่างชาติเอาไปแสดง “รสนิยม” และ “บารมี” ใน “ความมีอารยะ” (โดยเฉพาะคนในประเทศสหรัฐอเมริกา) และที่ยังอยู่ในเมืองศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์(ทั้งที่ขุดค้นตกแต่งแล้วและที่ยังไม่ได้ขุดค้น)

หลังจาก “ศรีเทพ” กลายเป็น “มรดกโลก” ชื่อนี้ก็ได้รับความสนใจจากสังคมไทยอย่างกว้างขวาง ข้อมูลและงานศึกษาค้นคว้าทั้งเก่า-ใหม่ ที่เกี่ยวกับชื่อ “ศรีเทพ” ได้รับการเผยแพร่อย่างมากหลายในวงกว้าง มีโครงการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ “ศรีเทพ” ทั้งในระดับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงอย่างกรมศิลปากรและในหมู่ผู้สนใจที่มากขึ้นเรื่อยๆ

นักวิชาการทาง “ประวัติศาสตร์-โบราณคดี” จำนวนไม่น้อย เสวนาถกเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายถึงเรื่องของ “ศรีเทพ” ประเด็นสำคัญหนึ่งก็คือ “ศรีเทพ” คือศูนย์กลางของ “ทวารวดี”!

พูดถึงหลักฐานเกี่ยวกับ “ศรีเทพ” คนที่สนใจเกี่ยวกับศิลปินนักเขียนและวรรณกรรมร่วมสมัยของไทย คงจะพอจำกันได้กระมังว่า “นายผี” หรือท่านอดีตอัยการนาม “อัศนี พลจันทร์” กวี นักปฏิวัติและปัญญาชนร่วมสมัยคนสำคัญของไทย เจ้าของเพลง “เดือนเพ็ญ” อันโด่งดังท่านนั้น เมื่อครั้งตัดสินใจเขียนถึงเรื่องราวประวัติที่มาของชาติตระกูลตนเอง(ก่อนจะเร้นตัวหายสาบสูญเพราะมีหมายจับกุมกรณีกบฏ “สันติภาพ” ในปีพ.ศ.2495)ในรูปแบบของ “กวีนิพนธ์ขนาดยาว” (ใช้กาพย์ฉบัง 16 และกาพย์ยานี 11เป็นหลัก)โดยใช้ชื่อเรื่องว่า “ค ว า ม เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง” ในคราวนั้น ก็ได้แสดงความรอบรู้เกี่ยวกับพัฒนาการของสังคมไทยไว้อย่างลึกซึ้งกว้างขวาง

และในวรรณกรรมชิ้นเอกที่เขียนมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2495 (คือเมื่อกว่า 70 ปีก่อน)ชิ้นนี้เอง ที่ “นายผี” หรือท่าน “อัศนี  พลจันทร์” ได้กล่าวถึง “ศรีเทพ” ไว้ว่า ชื่อนี้เป็นต้นเค้าของ “ระบบศักดินาไทย” อย่างสำคัญยิ่ง!!