สถานการณ์หลังการระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผ่านพ้นไป แม้ยังพบเห็นคนไทยที่สวมหน้ากากในที่แออัดหรือพื้นที่สาธารณะ แต่การลดระดับของการเฝ้าระวังโรคระบาด ในที่สาธารณะบางแห่งไม่มีบรืการเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือแล้ว
กระทั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โรคฝีดาษลิงกลับมาอยู่ในความสนใจของผู้คนอีกครั้ง แม้ในประเทศไทยจะเริ่มมีการกล่าวถึงเมื่อราว 2 ปีก่อนก็ตาม
ล่าสุดสถานการณ์ของโรคฝีดาษลิง จากข้อมูลของ นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ระบุว่า... “ในปัจจุบันจากการถอดรหัส DNA จะแยกฝีดาษวานร เป็น 2 กลุ่ม (Clade) คือกลุ่มหนึ่งและกลุ่ม 2 สายพันธุ์ที่ระบาดในแอฟริกาส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ 1 และการระบาดนอกแอฟริกาส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ 2 ทั้งกลุ่ม 1 และกลุ่ม 2 ยังแยกเป็นกลุ่มย่อย a และ b การระบาดนอกแอฟริกาจะเป็นสายพันธุ์กลุ่ม 2b
เมื่อเร็วๆนี้มีการระบาดพบผู้ป่วยจำนวนมาก ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก มีผู้ป่วยที่ต้องสงสัยและยืนยันถึงปัจจุบันร่วม 20,000 รายแล้ว และมีผู้เสียชีวิต อยู่ในอัตราถึงร้อยละ 3 ถึง 4 สายพันธุ์ที่พบเป็นสายพันธุ์กลุ่ม 1b แสดงให้เห็นว่าสายพันธุ์นี้ สามารถติดต่อกันได้ง่าย และมีความรุนแรงสูง พบกว่าครึ่งหนึ่งเป็นเด็ก และผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่ก็เป็นเด็กที่มีร่างกายอ่อนแอ จึงทำให้ต้องเฝ้าระวังและเกิดความกังวล องค์การอนามัยโลกจึงประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินโรคระหว่างประเทศ ที่น่ากังวล และต้องเฝ้าระวัง
ฝีดาษวานร เชื้อสายพันธุ์ใหม่ 1b ระบาดในแอฟริกา ที่สร้างความกังวลและต้องเฝ้าระวัง หลังจากระบาดในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก โรคนี้ได้แพร่กระจายในแอฟริการ่วม 10 ประเทศ การติดต่อของโรคจะแตกต่างกับสายพันธุ์ 2b ที่ระบาดนอกแอฟริกา
สายพันธุ์ 1b แพร่กระจายและติดต่อได้ง่าย จึงพบได้ในเด็ก และเพศหญิง ไม่เหมือนกับสายพันธุ์ 2b ที่ติดต่อได้ยากกว่า ส่วนใหญ่จะพบในเพศชาย วัยหนุ่มถึงกลางคน โดยการสัมผัสอย่างใกล้ชิด หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วย”
ทั้งนี้ แนวทางป้องกันโรคฝีดาษลิง คือเลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่ง ไม่ว่าจะเป็นเลือด น้ำมูก น้ำลาย ของผู้ติดเชื้อ กระนั้น วิธีการในการป้องกันตนเองก็คือ การล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสบู่ และเจลแอลกอฮอล์ สวมใส่หน้ากากอนามัย ในพื้นที่เสี่ยงการแพร่ระบาด เรากลับไปตั้งการ์ดสูง แบบปกติใหม่ ภาคส่วนต่างๆคืนเจลแอกอฮอล์สู่พื้นที่สาธารณะก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี