ปัญหาบุหรี่เถื่อนนับวันยิ่งทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆดังจะเห็นข่าวและสถิติการจับกุมที่เพิ่มมากขึ้นในห้วงที่ผ่านมา
ปัญหาบุหรี่เถื่อนไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของรัฐจากภาษีสรรพสามิตเท่านั้น หากแต่ยังเป็นการบ่อนทำลายเศรษฐกิจอย่างร้ายแรงตั้งแต่ต้นน้ำคือเกษตรกรชาวไร่ยาสูบที่ถูกบุหรี่เถื่อนเข้ามาแย่งชิงตลาด และสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมกลางน้ำอย่างการยาสูบแห่งประเทศไทย และอุตสาหกรรมปลายน้ำอย่างผู้ค้าปลีกทั่วประเทศอย่างกว้างขวาง
บุหรี่เถื่อนเปรียบเสมือน “เศรษฐกิจสีเทา” ที่ค่อยๆ กัดกินสังคมไทยอย่างเงียบๆ กำไรมหาศาลจากการหลีกเลี่ยงภาษีถูกนำไปใช้ในการฟอกเงินและสนับสนุนกิจกรรมผิดกฎหมายอื่นๆ เช่นการก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะที่ธุรกิจสีเทานี้มีกำไรที่มหาศาลแต่ความเสี่ยงน้อยและบทลงโทษกลับไม่รุนแรงเด็ดขาด ทำให้ยากต่อการติดตามและปราบปรามหรือถูกมองว่าไม่ใช่นโยบายสำคัญจึงทำให้ขบวนการบุหรี่เถื่อนเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมาโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย
รัฐบาลและผู้ประกอบการต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อแก้ไขปัญหานี้ แต่การบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างเข้มงวดเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ จำเป็นต้องมีการปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา รวมถึงสืบสวนหาเส้นทางลำเลียงและต้นกำเนิดของสินค้าเหล่านี้ว่าผ่านเข้าสู่ประเทศไทยได้อย่างไร
การเสนอให้ความผิดเกี่ยวกับภาษีสรรพสามิตเป็นความผิดมูลฐานของกฎหมายฟอกเงิน ถือเป็นแนวทางที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะจะทำให้การสืบสวนและจับกุมผู้กระทำผิดและดำเนินการทางแพ่งเช่นการยึดทรัพย์ทำได้ง่ายขึ้น และช่วยตัดวงจรการฟอกเงินที่เกิดจากการค้าบุหรี่เถื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการจับกุมปราบปราม สืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีทางอาญา เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงให้กับระบบเศรษฐกิจ
นอกจากนี้การแก้ไขกฎหมายศุลกากรและการประสานงานกับต่างประเทศเพื่อเพิ่มอำนาจการตรวจสอบและควบคุมสินค้าผ่านแดนและถ่ายลำ และประสานงานกับประเทศต้นทางและประเทศปลายทางเพื่อติดตามสินค้าต้องสงสัยก็จะเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่ช่วยสกัดปัญหาบุหรี่เถื่อนได้ เนื่องจากที่ผ่านขบวนการค้าบุหรี่เถื่อนได้อาศัยช่องว่างทางกฎหมายในการขอนำสินค้าผ่านแดนไปยังประเทศที่สาม แต่ไม่ได้นำสินค้านั้นออกนอกประเทศจริงๆ ทำให้สินค้าเหล่านี้ทะลักกลับเข้ามาตีตลาดบุหรี่ถูกกฎหมาย เกิดความเสียหายต่อทั้งรัฐ เอกชน และประชาชน
การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจสีเทา เช่นบุหรี่เถื่อน หนึ่งในเศรษฐกิจใต้ดิน หรือ Underground Economy ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวถึงตัวเลขล่าสุดระบุว่ามีมูลค่ามากกว่า 49% เป็นเรื่องที่ท้าทายและต้องใช้เวลา แต่หากรัฐบาลมองแนวทางแก้ปัญหาได้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด การสนับสนุนการเลิกบุหรี่ การสร้างความตระหนักรู้ การประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นแหล่งกำเนิดสินค้าหนีภาษี รวมทั้งการแก้ไขกฎหมายปราบปรามการฟอกเงิน กฎหมายศุลกากร กฎหมายสรรพสามิตเพื่อเพิ่มเครื่องมือและบทลงโทษเพื่อจัดการปัญหานี้ เชื่อว่าปัญหาเศรษฐกิจสีเทาจากบุหรี่เถื่อนจะสามารถลดลงได้ในที่สุด