รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร จะมีเวลาในการบริหารประเทศตามวาระของสภาผู้แทนราษฎรอีก 2 ปีกับ 11 เดือน ท่ามกลางการจับบตาของทุกฝ่าย เรื่องนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย จะได้ไปต่อในรัฐบาลนี้ หรือสะดุดหยุดลงหรือมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข เพื่อให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่  

ไม่ว่าจะเป็นนโยบายเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเลต แม้รัฐบาลรักษาการจะยืนยันเดินหน้าโตรงการดังกล่าวตามไทม์ไลน์เดิมก็ตาม ซึ่งกำหนดวันที่ให้ประชาชนเริ่มต้นใช้จ่ายในโครงการ ในไตรมาส4ของปีนี้ หากย้อนไปดูกรอบวงเงินเดิมของโครงการ จะพบว่ามีการปรับวงเงินของโครงการลงมาเหลือ 4.5 แสนล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 5 แสนล้านบาท เพื่อไม่เป็นการตั้งงบประมาณเกินความจำเป็น และบริหารงบประมาณตามจำนวนผู้ลงทะเบียนที่คาดว่ามีจะไม่เกิน 90% โดยยังตั้งเป้าหมายสำหรับประชาชนที่มีสิทธิลงทะเบียน 50 ล้านคน

โครงสร้างกรอบแหล่งเงินโครงการครั้งใหม่ จะไม่มีเงินจากมาตรา 28 แต่จะใช้งบประมาณปี 2567 และงบประมาณปี 2568 ซึ่งเพียงพอและสามารถดำเนินการได้ภายในกรอบของงบประมาณ และถ้าคนลงทะเบียนน้อยกว่าหรือมากกว่า รัฐบาลจะใช้กลไกในการบริหารงบประมาณ เพื่อให้มีเงินทุกบาททุกสตางค์เพียงพอกับการใช้ในโครงการนี้ และรายละเอียดทั้งหมดจะเสนอที่ประชุม ครม. เห็นชอบในสัปดาห์หน้า” นายจุลพันธ์ ยืนยัน

ทั้งนี้ในแหล่งเงินของโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 รอบใหม่ วงเงิน 450,000 แสนล้านบาทนั้น มีที่มาจาก 2 แหล่ง คืองบประมาณปี 2567 ทั้งการตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม วงเงิน 122,000 แสนล้านบาท และการบริหารจัดการงบประมาณอีก 43,000 ล้านบาท โดยไม่ใช่แค่งบกลางอย่างเดียว งบประมาณปี 2568 วงเงิน 152,700 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณางบประมาณ และการบริหารจัดการงบประมาณอีก 132,300 ล้านบาท

ขณะที่นโยบายผลักดันสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของรัฐบาลนั้น ที่ดูเหมือนว่าจะราบรื่น แต่ดุเหมือนว่า จะมีเงื่อนไขที่พรรคร่วมรัฐบาล คือพรรคภูมิใจไทย ออกมาท้วงติงให้ทบทวนร่างกฎหมาย ใน 4 ประเด็น

ทั้งหมดนี้ น่าสนใจว่าท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงตัวนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี แบบล้างไพ่กันใหม่