เสือตัวที่ 6

9 ส.ค. 2567 เกิดเหตุคนร้ายที่เป็นกองกำลังติดอาวุธของขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐในพื้นที่ปลายด้ามขวาน ก่อเหตุความไม่สงบด้วยการรวมกำลังคนจำนวนไม่ต่ำกว่า 7-8 คน ภายใต้การสนับสนุนของแนวร่วมขบวนการร้ายแห่งนี้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนใต้ ได้ลอบวางระเบิดที่วางแผนมาอย่างมืออาชีพ เป็นกับดักซ้อนๆ กันถึง 3 ลูก ใน 3 จุด ที่แต่ละลูกล้วนมุ่งหมายที่จะล่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปในพื้นที่สังหารเพื่อให้เกิดการสูญเสียต่อเจ้าหน้าที่รัฐเป็นจำนวนมาก การก่อเหตุร้ายของขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐครั้งนี้มีความมุ่งหมายชัดเจนที่จะสังหารผู้บริสุทธิ์โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ อีกทั้งเป็นการแสดงศักยภาพของขบวนการร้ายแห่งนี้ว่าสามารถต่อสู้กับรัฐได้อย่างทรงพลัง รวมทั้งเป็นการท้าทายอำนาจรัฐที่แม้จะเป็นพื้นที่ที่น่าจะอยู่ในความคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นตำรวจในพื้นที่เป็นอย่างดีก็ตาม หากแต่ไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือของขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐกลุ่มนี้ไปได้หากเป็นความต้องการที่จะทำลายล้างของแกนนำขบวนการร้ายแห่งนี้ และความเหนือชั้นของการก่อเหตุอย่างมืออาชีพของขบวนการก็แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์อีกครั้งหนึ่งว่า พวกเขามีศักยภาพในการก่อเหตุร้ายมากมายเพียงใด การวางระเบิดที่หลอกล่อเจ้าหน้าที่รัฐให้เข้าไปในพื้นที่สังหารหลัก แสดงให้เห็นว่าคนกลุ่มนี้ไม่ธรรมดา ซึ่งรัฐไม่อาจเอาชนะด้วยกลยุทธ์ที่ธรรมดาด้วยการมองปรากฏการณ์ของการต่อสู้ในสมรภูมินี้ง่ายๆ เพียงชั้นเดียว การสร้างเหตุร้ายด้วยการจุดระเบิดแสวงเครื่องลูกแรกและลูกที่ 2 ซึ่งคนร้ายได้วางไว้บริเวณถังขยะ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน โดยแรงระเบิดทำให้แผงปลาของชาวบ้านได้รับความเสียหาย หากแต่ทั้งสองลูกแรกนั้นเป็นเพียงเหยื่อล่อให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปพิสูจน์ทราบ ก่อนที่จะจุดระเบิดประกอบรถยนต์ซึ่งเป็นระเบิดลูกใหญ่ให้ทำลายล้างชีวิตผู้คนได้ในวงกว้าง

โดยเป้าหมายของคนร้ายก็คืออาคารที่พักแฟลตของตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานีซึ่งมีกำแพงติดกันระเบิดประกอบรถยนต์ซึ่งเป็นระเบิดลูกใหญ่ถูกจอดทิ้งไว้ด้านหลังกำแพงของอาคารที่พักแฟลตตำรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัวสถานีตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี อันเป็นพื้นที่พักอาศัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจของรัฐและผู้คนในชุมชนใกล้เคียงซึ่งควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยในการดำเนินชีวิต แต่ก็ถูกระเบิดทำลาย แม้จะไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการก่อเหตุร้ายครั้งนี้ก็ตามแต่เป็นการท้าทายอำนาจรัฐโดยตรงอย่างอุกอาจยิ่ง ปรากฏการณ์ที่คนกลุ่มกองกำลังติดอาวุธได้แฝงตัวเพื่อเฝ้าดูพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐที่กำลังเข้าพิสูจน์ทราบที่เกิดเหตุ และได้กดชนวนระเบิดรถยนต์ประกอบระเบิดคันดังกล่าวอย่างใจเย็น ทำให้เกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว สะเก็ดระเบิดกระเด็นเจาะกระจกหุ้มเกราะหน้ารถและประตูด้านซ้ายเกือบทะลุโชคดีที่ตำรวจทั้งสองนายปลอดภัย อีกทั้งสะเก็ดระเบิดลูดังกล่าวยังส่งผลให้รถยนต์ของผู้กำกับ สภ.เมืองปัตตานี ได้รับความเสียหายโดยแรงระเบิดทำให้ไฟลุกไหม้รถกระบะ นอกจากนี้แรงระเบิดยังทำให้กระจกของแฟลตตำรวจ สภ.ปัตตานีแตกกระจายและข้าวของเครื่องใช้ภายในแฟลตพังเสียหายในวงกว้าง 

แม้การก่อเหตุร้ายด้วยการวางระเบิดทำลายล้างของขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐครั้งนี้ จะไม่ได้ทำให้เกิดการสูญเสียต่อชีวิตหนึ่งใดก็ตาม หากแต่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้บริสุทธิ์ซึ่งไม่ใช่คู่สงครามในวงกว้าง ทั้งเหตุการณ์ครั้งนี้ยังทำลายความเชื่อมั่นของผู้คนที่อาศัยใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่โดยทั่วไป ตลอดจนผู้คนในพื้นที่อื่นๆ ในผืนแผ่นดินไทย รวมทั้งผู้คนในต่างประเทศที่เมื่อรับรู้เหตุร้ายครั้งนี้ ในพื้นที่ในความดูแลของรัฐเช่นนี้ ย่อมคิดได้ว่าอำนาจรัฐไทยยังไปไม่ถึงสมรภูมิแห่งนี้อย่างสมบูรณ์ และการก่อเหตุจุดระเบิดประกอบรถยนต์ในขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐกำลังเข้าไปในรัศมีระเบิด ย่อมแสดงให้เห็นว่ากลุ่มคนร้ายสามารถเกาะติดเจ้าหน้าที่รัฐได้อย่างอุกอาจ คนร้ายของขบวนการสามารถหลบซ่อนหรือแฝงตัวอยู่ในจุดที่มีเจ้าหน้าที่รัฐอยู่มากมายได้จนสามารถจุดชนวนระเบิดรถยนต์ซึ่งเป็นระเบิดลูกที่ 3 และเป็นระเบิดสังหารลูกหลักของแผนการร้ายนี้ได้อย่างใจเย็น ทั้งคนร้ายกลุ่มนี้ยังสามารถเล็ดรอดหลบหนีการตรวจจับของเจ้าหน้าที่รัฐไปได้อย่างเหลือเชื่อ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนจากแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐที่มีอยู่อย่างดาษดื่นในพื้นที่ที่รัฐเองยังไม่อาจเข้าถึงและแย่งชิงมวลชนเหล่านั้นกลับคืนมาได้

ปรากฏการณ์การลอบวางระเบิดทำลายล้างที่อาคารที่พักแฟลตตำรวจ สภ.เมืองปัตตานีครั้งนี้ ก็เป็นหนึ่งในหลายๆ ครั้งของการลอบวางระเบิดทำลายล้างของขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นกลยุทธ์หนึ่งของการต่อสู้เพื่อเอกราชปาตานีตามเจตนารมณ์ของกลุ่มคนเห็นต่างจากรัฐแบบสุดโต่ง ขบวนการร้ายกลุ่มนี้กำลังใช้กลยุทธ์หลากหลายในเวลาเดียวกัน ทั้งการเจรจาต่อรองในเวทีพูดคุยสันติภาพที่มีเป้าหมายหลักคือการเอาชนะทางความคิดที่หมายจะได้สิทธิในการตัดสินใจปกครองกันเองของคนในพื้นที่ แม้ปาตานียังไม่ได้เอกราชโดยสมบูรณ์ แต่ได้สิทธิในการปกครองดูแลกันเองในบริบทของเขตปกครองพิเศษที่สามารถสนองตอบเป้าหมายสูงสุดของพวกเขาได้นั่นคืออิสรภาพในการปกครองของปาตานี ควบคู่กับการต่อสู้ทางการเมืองระดับชาติที่จะออกกฎหมายอันเอื้อต่อการให้สิทธิเสรีภาพที่อ้างแนวคิดของการแสวงหาทางออกของปัญหาด้วยคนในพื้นที่เอง คู่ขนานกับการต่อสู้ของภาคประชาชนโดยใช้เยาวชนในพื้นที่ในการแสดงกิจกรรมหลากหลายที่อ้างการทวงคืนและเชิดชูวัฒนธรรมดั้งเดิม แต่แอบแฝงไปด้วยการปลุกระดมแนวคิดเกลียดชังคนเห็นต่าง และสร้างสมบ่มเพาะแนวคิดสุดโต่งให้ต่อต้านรัฐ

ในขณะเดียวกัน ขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐกลุ่มนี้ ยังใช้กลยุทธ์ก่อเหตุร้ายทำลายล้างเป้าหมายเป็นเครื่องมือในการเร่งเร้าการยอมจำนนของรัฐในเวทีพูดคุยสันติภาพอย่างต่อเนื่อง แม้พื้นที่ก่อเหตุจะเป็นพื้นที่ในความควบคุมของรัฐก็ตามนับเป็นการท้าทายอำนาจรัฐอย่างอุกอาจ ซึ่งรัฐจะต้องตระหนักและต้องเร่งกระชับอำนาจรัฐด้วยการกระทำการใดๆ เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งอำนาจรัฐ ด้วยการบังคับใช้กฎหมายกับคนกลุ่มนี้อย่างเข้มข้นและจริงจังเสียที