เสือตัวที่ 6

ปรากฏการณ์ปลายเดือนกรกฎาคมจนถึงต้นเดือนสิงหาคมของปี 2567 ได้สะท้อนความจริงให้เห็นถึงแนวความคิดของกลุ่มคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ปลายด้ามขวานอันเป็นสมรภูมิสู้รบระหว่างขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐกับรัฐไทยอย่างชัดเจนอีกครั้งหนึ่งว่าในห้วงเวลานี้แนวร่วมมวลชนของคนในพื้นที่แห่งนี้เป็นแนวร่วมของขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐมากเกินกว่าที่รัฐจะปฏิเสธความจริงได้อีกต่อไป หลายครั้งที่เกิดปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายบ้านเมืองของเจ้าหน้าที่รัฐโดยการไล่ล่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์จนกลุ่มคนร้ายต้องถูกวิสามัญฆาตกรรมให้ต้องเสียชีวิตลงอันเนื่องจากกลุ่มคนร้ายเหล่านั้นขัดขืนการจับกุมและต่อสู้เจ้าหน้าที่รัฐ หากแต่การเสียชีวิตลงของกลุ่มคนร้ายเหล่านั้นมักถูกปฏิบัติการโต้กลับของคนในพื้นที่และแนวร่วมขบวนการต่อต้านรัฐ ด้วยการแย่งชิงร่างของผู้เสียชีวิตตลอดจนแห่ศพและกระทำพิธีกรรมเพื่อเชิดชูผู้เสียชีวิตเหล่านั้นที่กระทำการเยี่ยงวีรบุรุษหรือนักรบผู้ทรงเกียรติของขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐกันอย่างเอิกเกริกโดยไม่เกรงกลัวการจับตาของเจ้าหน้าที่รัฐแต่อย่างใด

และปรากฏการณ์ห้วงต้น ส.ค. 67 ที่ผ่านมานี้ ได้ตอกย้ำให้เห็นอีกครั้งหนึ่งว่า มวลชนคนในพื้นที่ปลายด้ามขวานแห่งนี้เกือบทั้งหมด มีจิตใจแนวคิดฝักใฝ่ฝ่ายใดมากกว่ากัน ปรากฏการณ์ที่มีมวลชนจำนวนมากแห่ร่างคนร้ายที่ต่อสู้การบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐและเป็นกลุ่มคนที่เป็นกองกำลังติดอาวุธของขบวนการต่อต้ารัฐอย่างชัดเจนยิ่ง หากแต่มวลชนในพื้นที่ ยังกล้าแสดงออกถึงแนวคิดที่ฝักใฝ่ขบวนการร้ายแห่งนี้ด้วยการประท้วงต่อต้านการกระทำของรัฐจนนักรบของพวกเขาต้องเสียชีวิตลง ทั้งยังกล้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่าพวกเขาเป็นมวลชนแนวร่วมของขบวนการที่ต่อสู้กับรัฐเพื่อเอกราชของชาวปาตานีโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมืองแม้แต่น้อยกลุ่มแนวร่วมและเพื่อนสมาชิกร่วมขบวนการร้ายแห่งนี้ รวมตัวกันทำการแห่ศพผู้ก่อการร้ายทั้ง 3 คน ที่ถูกวิสามัญอันเกิดจากการต่อสู้ด้วยอาวุธกับเจ้าหน้าที่รัฐจนตัวตาย ในระหว่างแห่ศพคนร้ายได้มีการส่งเสียงตะโกน Patani Merdeka ซึ่งแปลเป็นไทยว่า เอกราชปาตานี เป็นระยะ ๆ ตลอดทาง อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี อันเป็นการเชิดชูคนเหล่านี้ให้เป็นนักรบอันศักดิ์สิทธิ์ของขบวนการต่อสู้กับรัฐกลุ่มนี้อย่างออกนอกหน้า ทั้งยังเป็นการยกย่องให้เป็นเยี่ยงอย่างให้แนวร่วมขบวนการนำไปเป็นแบบอย่างให้สานต่อแนวคิดอุดมการณ์การต่อสู้ของพวกเขาให้สืบเนื่องต่อไปอย่างทรงพลัง

จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ใช้ยุทธการบ้านคลองช้าง โดยเจ้าหน้าที่เข้าบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ก่อการร้ายในพื้นที่ บ้านคลองช้าง ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ตั้งแต่ วันที่ 27 ก.ค. 2567 ถึง 1 ส.ค. 2567 รวมเวลา 6 วัน เหตุการณ์นี้ทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 นาย และได้รับบาดเจ็บ 2 นาย สมาชิกกลุ่มกองกำลังติดอาวุธของขบวนการร้ายแห่งนี้เสียชีวิต 3 ราย โดยก่อนหน้านั้น เจ้าหน้าที่ได้กระชับพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ได้ตรวจพบรองเท้า กระเป๋าเป้ จำนวน 3 ใบ ภายในเป็นของใช้ส่วนตัว และวันที่ 30 ก.ค. 2567 เจ้าหน้าที่ได้ไล่ล่าคนร้ายกลุ่มนี้จนกระทั่งตรวจพบที่พักพิงชั่วคราว จำนวน 2 จุด โดยจุดแรก เป็นลักษณะป้อมเล็กๆ สำหรับเข้าเวรยาม มีเสบียงอาหารและของใช้ส่วนตัว พบบ่อน้ำ สำหรับดื่มกิน จุดที่ 2 เป็นที่พักชั่วคราว อันเป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่า คนร้ายกลุ่มนี้ เป็นกองกำลังติดอาวุธของขบวนการต่อต้านรัฐที่เป็นมืออาชีพตลอดจนได้รับการสนับสนุนจากมวลชนคนในพื้นที่ที่มีการส่งเสบียงอาหารและการปกปิดแหล่งหลบซ่อนให้กองกำลังติดอาวุธของขบวนการร้ายจนกระทั่งวันที่ 31 ก.ค. 2567 ได้เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ก่อการร้าย เป็นเหตุให้คนร้ายกลุ่มนี้ต้องเสียชีวิต จำนวน 3 คนซึ่งผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย มีหมายจับติดตัวจำนวนมาก ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานฯ เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ ได้พบวัตถุพยาน ประกอบด้วย อาวุธปืนสงคราม AK-102 จำนวน 1 กระบอก, อาวุธปืนสงคราม M16 จำนวน 1 กระบอก และปืนพกสั้น จำนวน 2 กระบอก อันบ่งบอกได้ว่าคนกลุ่มนี้เป็นผู้ก่อการร้ายตัวฉกาจของขบวนการและพร้อมจะต่อสู้ด้วยอาวุธอย่างรุนแรงจนตัวตายเพื่อแนวคิดอุดมการณ์ที่พวกเขาได้ถูกสั่งสมบ่มเพาะมาอย่างเข้มข้น

ปรากฏการณ์การจัดขบวนแห่ศพโดยมีผู้คนพร้อมยานพาหนะเคลื่อนตัวเต็มถนน อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เพื่อนำไปฝังที่กุโบร์ตามหลักศาสนาอย่างเอิกเกริก โดยมีการกล่าวสดุดีการกระทำของผู้สูญเสียทั้ง 3 ราย เป็นวีรกรรมที่ต้องยกย่องเป็นแบบอย่างดั่งนักรบผู้กล้าที่ต่อสู้จนตัวตายเพื่อแนวคิดอุดมการณ์ของขบวนการศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาประกอบกับการสื่อสารของมวลชนคนในพื้นที่ที่ใช้สื่อโซเชียล (Social Media) เพื่อส่งต่อแนวคิดอันเป็นปรปักษ์กับรัฐ ตลอดจนให้รู้เหตุการณ์และนัดหมายการทำกิจกรรมใดๆ ของมวลชนในพื้นที่นั้น พวกเขากระทำได้ดีมีประสิทธิภาพ ซึ่งนั่นจึงทำให้การขยายผลและตอกย้ำแนวคิดอันเป็นปรปักษ์กับรัฐจึงทำได้อย่างกว้างขวางและทั่วถึง การนัดแนะรวมตัวเพื่อร่วมขบวนแห่ศพเยี่ยงวีระบุรุษของพวกเขาจึงสามารถกระทำได้อย่างรวดเร็วและสามารถสร้างแนวคิดอารมณ์ร่วมในการต่อสู้ของมวลชนคนในพื้นที่ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน ก่อให้เกิดพลังในการร่วมกันต่อต้านรัฐอย่างได้ผลและทรงพลังยิ่ง การออกมาร่วมแห่งศพวีระบุรุษของพวกเขาด้วยมวลชนจำนวนมาก จึงสะท้อนแนวคิดอุดมการณ์การต่อสู้เพื่ออิสรภาพของพกเขาที่ถูกสร้างสมมาอย่างยาวนาน พร้อมแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งระหว่างแห่ศพด้วยการส่งเสียงตะโกน Patani Merdeka ตลอดทาง แม้ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 นั้น มีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นสมาชิกกองกำลังติดอาวุธหัวรุนแรงของขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐ นับเป็นการท้าทายอำนาจรัฐอย่างโจ่งแจ้งเหล่านี้จึงสะท้อนให้เห็นแนวคิดของคนในพื้นที่ส่วนใหญ่ ให้การฝักใฝ่ เห็นด้วย และให้การสนับสนุน เป็นมวลชนของฝ่ายขบวนการร้ายแห่งนี้มากกว่ารัฐอย่างชัดเจน