เสือตัวที่ 6
นับถึงวันนี้ ขบวนการร้ายแห่งนี้ยังคงเดินหน้าต่อสู้ด้วยอาวุธกับรัฐอยู่อย่างเข้มข้นและต่อเนื่องในโอกาสและจังหวะที่เอื้ออำนวยให้คนกลุ่มนี้สามารถลงมือก่อเหตุร้ายสร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินกับผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อเร่งเร้าให้การเจรจาต่อรองของพวกเขาในเวทีกระบวนการเจรจาสันติภาพที่กำลังขับเคลื่อนไปในขณะนี้ ได้รับการตอบสนองด้วยดีจากรัฐไทยในเร็ววัน เพื่อให้เกิดสันติภาพในรูปแบบและความหมายที่กลุ่มคนในขบวนการร้ายแห่งนี้ต้องการ ในขณะเดียวกันก็หลอกล่อให้รัฐไทยคาดหวังในสันติภาพที่รัฐไทยคาดหวังเอาเอง ทั้งยังเป็นสันติภาพที่รัฐไทยถูกตรึงให้อยู่กับที่เพื่อหวังที่จะบรรลุสันติภาพตามความหมายที่รัฐคาดหวังผ่านเงื่อนไขตามข้อตกลงร่วมในหลักการตามแนวทางของแผนปฏิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติสุขแบบองค์รวม (JCPP) ที่เวทีพูดคุยสันติสุขตามความหมายของผู้แทนรัฐไทยหรือการเจรจาสันติภาพตามความหมายของกลุ่มบีอาร์เอ็นกล่าวเรียก
ด้วยหลักการตามข้อตกลงร่วมเพื่อสร้างสันติภาพแบบองค์รวม (JCPP) ดังกล่าว เป็นคัมภีร์ที่ฝ่ายขบวนการบีอาร์เอ็นหยิบยกมาและตีความในแง่มุมที่เป็นประโยชน์ในการต่อสู้ของขบวนการร้ายแห่งนี้แต่เพียงฝ่ายเดียว หลักการตามแผนปฏิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติภาพแบบองค์รวม (JCPP) นี้มีหลัก 3 ประการ กล่าวคือ 1. ลดความรุนแรงในพื้นที่ 2. จัดให้มีเวทีปรึกษาหารือกับประชาชน และ 3. การแสวงหาทางออกทางการเมือง โดยในประเด็นของการลดความรุนแรงนั้น กลุ่มบีอาร์เอ็นยื่นเงื่อนไขให้รัฐต้องทำ 4 ไม่กล่าวคือ ไม่ปิดล้อม ไม่ตรวจดีเอ็นเอ ไม่จับกุม ไม่ติดประกาศหมายจับและรัฐต้องทำ 3 ลด คือ ลดลาดตระเวน ลดจุดตรวจ ลดพื้นที่ พ.ร.ก. และรัฐต้องทำ 4 ยอม กล่าวคือ ยอมให้บีอาร์เอ็นเปิดเผยตัวโดยไม่มีการจับกุม ยอมให้เข้าเมืองได้ ยอมให้จัดเวทีประชุมระดมความเห็นเพื่อแสวงหาทางออกทางการเมืองและรับฟังความเห็นสาธารณะ ตามแผน JCPP ทั้งรัฐต้องให้การคุ้มครองคุ้มกันคนเหล่านี้ไม่ให้เกิดอันตรายขณะเข้ามาจัดกิจกรรมด้วย รวมทั้งรัฐต้องยอมปล่อยนักโทษคดีความมั่นคง และปลดหมายจับ ในขณะที่กลุ่มบีอาร์เอ็นจะทำ 4 ไม่ คือ ไม่ก่อเหตุร้าย ไม่ขนย้ายอาวุธและระเบิด ไม่ยุ่งยุปลุกปั่น และไม่ทำผิดกฎหมาย
เงื่อนไขตามแผนปฏิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติภาพดังกล่าว จะเห็นได้ว่า เป็นการยึดตรึงหน่วยงานของรัฐให้ถูกมัดอยู่กับที่ การปฏิบัติการเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและการบังคับใช้กฎหมายอันเป็นการบ่งบอกถึงอำนาจรัฐในพื้นที่โดยหน่วยงานความมั่นคงของรัฐจึงถูกจำกัดลงจนถึงระดับที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ ด้วยข้อตกลงร่วมดังกล่าวจะส่งผลให้พื้นที่สมรภูมิแห่งนี้กลายเป็นเขตยกเว้นกฎหมายของรัฐไปโดยปริยาย โดยถูกกลุ่มแกนนำบีอาร์เอ็นอ้างว่าเป็นการลดความรุนแรงจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ หากแต่ฝ่ายขบวนการบีอาร์เอ็นกลับปล่อยให้กองกำลังติดอาวุธของขบวนการเห็นต่างจากรัฐ ก่อเหตุร้ายในพื้นที่แห่งนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งการยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ตามแผนปฏิบัติการร่วม (JCPP) ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ฝ่ายขบวนการร้ายแห่งนี้สามารถเคลื่อนไหวการต่อสู้กับรัฐได้อย่างเสรีมากขึ้น
เงื่อนไขตามข้อตกลงร่วมเพื่อสร้างสันติสุขแบบองค์รวม (JCPP) ดังกล่าว จึงเป็นเพียงกลยุทธ์ให้ฝ่ายรัฐถูกตรึงให้อยู่กับที่ด้วยเพราะการคาดหวังสันติภาพในความหมายอันเลื่อนลอย และยังเป็นการเปิดโอกาสให้กองกำลังติดอาวุธของขบวนการร้ายแห่งนี้ได้พัฒนาตนเองให้มีศักยภาพที่กล้าแข็งขึ้น เพื่อการคงไว้ซึ่งการต่อสู้ด้วยอาวุธอย่างรุนแรง อันจะนำสู่บรรยากาศของการขัดกันด้วยอาวุธระหว่างคนในพื้นที่กับรัฐ เพื่อเข้าสู่การแสวงหาทางออกทางการเมืองผ่านกระบวนการรับฟังความเห็นของคนในพื้นที่ที่ถูกสร้างสมบ่มเพาะความเห็นต่างจากรัฐมาแล้ว สู่การกำหนดอนาคตของตนเอง (RSD.) ด้วยคนในพื้นที่แห่งนี้ซึ่งถูกบ่มเพาะแนวคิดเห็นต่างจากรัฐมาอย่างสุดโต่งแล้วในที่สุด
และเงื่อนไขในประเด็นของการจัดให้มีเวทีปรึกษาหารือกับประชาชนเพื่อการแสวงหาทางออกทางการเมือง ตามแผนปฏิบัติการร่วมฉบับนี้ กลับเปิดโอกาสให้ฝ่ายบีอาร์เอ็นช่วงชิงการนำในการเสนอแนวทางการแสวงหาทางออกทางการเมืองเพื่อสร้างสันติภาพในรูปแบบและความหมายที่ฝ่ายขบวนการบีอาร์เอ็นต้องการ ด้วยสันติภาพที่ฝ่ายขบวนการบีอาร์เอ็นแห่งนี้วาดฝันไว้มีรูปแบบและความหมายที่แตกต่างจากสันติภาพในรูปแบบและความหมายของรัฐอย่างสิ้นเชิง โดยสันติภาพในรูปแบบและความหมายของรัฐคือการที่คนในพื้นที่แห่งนี้สามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นที่แตกต่างในทุกมิติได้อย่างสันติตามหลักการของดอกไม้หลากสีที่อยู่ในแจกันเดียวกันอย่างสวยงาม เป็นสันติภาพในความหมายที่คนในพื้นที่จะแสวงหาทางออกของปัญหาต่างๆ กับรัฐและคนนอกพื้นที่ได้ด้วยแนวทางสันติวิธี มีการประชุมหารือกับคนในพื้นที่เป็นสำคัญเพื่อแสวงหาทางออกทางการเมืองร่วมกันอย่างสันติ ภายใต้หลักการของเอกภาพแห่งดินแดน และอธิปไตยของรัฐเดียวกันที่แบ่งแยกไม่ได้ตามหลักการที่รัฐธรรมนูญของรัฐไทยกำหนด
ในขณะที่ สันติภาพที่ฝ่ายขบวนการร้ายแห่งนี้วาดฝันไว้คือสันติภาพที่คนในพื้นที่อยู่อย่างสันติในรูปแบบที่พวกเขาต้องการ นั่นคือสันติภาพในความหมายที่คนในพื้นที่มีอิสรภาพและเสรีภาพในการกำหนดชีวิตของตนเองตามหลักการของสิทธิการกำหนดชีวิตตนเอง (RSD.) อันเป็นหลักการสากลที่องค์กรระหว่างประเทศกำหนดขึ้นเป็นการปูทางไปสู่การปกครองในรูปแบบการปกครองที่คนในพื้นที่ต้องการ อิสรภาพในรูปแบบของวิถีชีวิต การศึกษา ความเชื่อ(ตามหลักศาสนา) ประวัติศาสตร์ และชาติพันธุ์อันยิ่งใหญ่ของตนที่คนเห็นต่างอื่นๆ จะแทรกปนไม่ได้ การให้ความหมายของสันติภาพที่แตกต่างเหล่านี้จึงน่ากังวลยิ่งด้วยสันติภาพที่ขบวนการบีอาร์เอ็นต้องการคือสภาพการณ์ที่ต้องตอบสนองต่อการปกครองกันเองของคนในพื้นที่ สู่การเป็นเอกราชของรัฐปาตานีที่คนกลุ่มนี้ปรารถนาโดยสมบูรณ์