สถาพร ศรีสัจจัง

“มนุษย์วานร” (Ape man)ที่พัฒนาจากสายสกุล “โฮโมอีเร็กตัส” มาเป็น “สปีชีส์” โฮโมเซเปี้ยนส์ (ต้นตอบรรพชนของ “มนุษย์” ปัจจุบัน) เมื่อเริ่มอพยพ ออกจากดินแดนแอฟริกา และเริ่มแพร่กระจายเข้าสู่พื้นที่แถบยุโรปปัจจุบัน เมื่อช่วงประมาณ 150,000ปีมาแล้ว(ตามที่นักมานุษยวิทยาสากล มักจะกล่าวอ้างกัน)นั้น

นักมานุษยวิทยาส่วนใหญ่ลงความเห็นตรงกันว่า พวกเขาต้อง “ปะทะสังสรรค์” กับชาติพันธุ์ “มนุษย์วานร” สายพันธุ์อื่น ที่ตั้งรกรากอยู่ ณ แถบถิ่นนั้นมาก่อนแล้ว “สปีชีส์” หรือ “ชาติพันธุ์” ดังกล่าวคือมนุษย์วานร กลุ่มที่นักมานุษยวิทยาเรียกว่า “นีแอนเดอร์ทัล”

ที่เรียกว่า “ปะทะสังสรรค์” ก็เพราะ มีทั้งการ “ปะทะ” และ การ “สังสรรค์”!

นักมานุษยวิทยาบอกเราว่า ในช่วงกว่า “โฮโมเซเปียนส์” จะเข้ายึดครองพื้นที่แถบยุโรปและเอเซีย(บางส่วน)ได้นั้น ต้อง “ปะทะ” และ “สังสรรค์” กันเป็นเวลานับแสนปี!

แต่ท้ายสุดเมื่อประมาณ 5 ถึง 6 หมื่นปีมาแล้ว “บรรพชนของมนุษย์” คือ “โฮโมเซเปียนส์” ก็ได้รับชัยชนะเหนือมนุษย์วานร “นีแอนเดอร์ทัล” อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จนทำให้ “นีแอนเดอร์ทัล” สูญพันธุ์ไปในที่สุด

ฟังว่าในช่วงการ “ปะทะสังสรรค์” อันยาวนานนี้ เซเปียนส์ใช้ทั้ง “การทำสงคราม” และ “การผสมข้ามสายพันธุ์”!

คือใช้ทั้งวิธีฆ่าฟันทำลายคู่ต่อสู้คือเผ่า “นีโอแอนเดอร์ทัล” ด้วยแรงกายและอาวุธ(ที่คิดประดิษฐ์ได้ในยามนั้นโดยตรง) และการ “กลืนกลายเผ่าพันธุ์” โดย “การผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์”!

(อย่าถามถึงรายละเอียดในเรื่องนี้ ก็อ่านที่นักมานุษยวิทยาคนสำคัญๆของโลกเขาสรุปไว้มาเล่าอีกทีก็เท่านั้น!)

เห็นถึงความเลอเลิศ ของ “บรรพชนมนุษย์” ไหม?ว่ามี “วิธีวิทยา” ในการ “ทำลาย” เพื่อ “เอาชนะ” สิ่งอื่นหรือ “สปีชีส์อื่น” อย่างไร!

สรุปเป็นว่า บรรดานักวิชาการที่เกี่ยวข้อง ในยุคใหม่เขาศึกษาวิจัยกัน แล้วได้ข้อสรุปประมาณว่า เริ่มตั้งแต่ประมาณ 60,000 ปีโน่นแล้วที่ “เซเปียนส์” ก็เข้ายึดครองโลก เริ่มมี “อำนาจ” เหนือ สปีชีส์อื่นได้ มีการแพร่กระจายเผ่าพันธุ์กว้างขวางออกไปทั่วดาวพระเคราะห์สีน้ำเงินที่ชื่อ “โลก” ดวงนี้

ที่ได้รับชัยชนะเหนือสปีชีส์อื่นทั้งหลายทั้งปวงนั้น ฟังมาว่า ก็เป็นเพราะสปีชีส์เซเปี้ยนส์มี “เหตุปัจจัย” ที่ก่อให้มี การพัฒนาทางสมองอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิด “โลกทัศน์” ในการ “จัดการ” สิ่งต่างๆที่สัมพันธ์กับตน(กลุ่มตน)พัฒนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

“โลกทัศน์” ที่เกิดแล้วสั่งสมจากการเรียนรู้ ที่เคลื่อนเปลี่ยนพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งนี่เอง ที่ก่อ “รูปการทางสังคม” แต่ละช่วงยุค (period) ของ “เซเปียนส์” หรือ “มนุษย์” ขึ้น!

“โลกทัศน์” ที่เกิดจาก “ภาวะสั่งสมการเรียนรู้” ของเซเปียนส์ในแต่ละกลุ่มแต่ละเผ่าที่แตกต่างกันตามเงื่อนเหตุของ “สิ่งแวดล้อม” (environment) หรือ “ภววิสัย” (objectivity)เอง ที่ทำให้ “เซเปียนส์”หรือ “มนุษย์” แต่ละกลุ่มพวกในแต่ละพื้นที่ภูมิศาสตร์ มีขั้นตอนการเรึยนรู้ และมี “ประวัติพัฒนาการทางสังคม”ของกลุ่มที่แตกต่างกัน ตามแต่ละ “โซน”

อันนี้นักทฤษฎีทางสังคมศาสตร์สาย “ว่าด้วยความขัดแย้ง” (โดยเฉพาะสายมาร์กซ์-เองเกิลส์) กล่าวสรุปว่า ที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะ “ตัวชี้ขาดในการเคลื่อนแปลี่ยนไปสู่คุณภาพใหม่ของสิ่งอยู่ที่ความขัดแย้งภายในหรือ “อัตวิสัย” (subjectivity)ของสิ่งนั้น โดยมีเงื่อนเหตุที่เกิดจากแรงกระทำ(แรงสัมพันธ์)ของสิ่งภายนอก(ที่เรียกเป็นภาษาทางวิชาการว่า “ภววิสัย” หรือ “objectivity” นั่นเอง)

แต่จะอย่างไรก็ตาม “นักวิทยาศาสตร์สังคม” (social scientist)สายทฤษฎีว่าด้วยความขัดแย้งระบุว่า กล่าวโดยทั่วไป สังคมมนุษย์จะต้องผ่าน “ยุค” แห่ง ความสัมพันธ์ทางการผลิต (The Relation of Prodoction) เรียกเป็นชื่ออย่างเป็นทางการว่า “วัตถุนิยมประวัติศาสตร์” (The Historical Materislism)

สำนักนี้แบ่งช่วงยุคที่นักภูมิประวัติศาสตร์สายอื่นแบ่งเป็น 2 ช่วงยุคสำคัญ คือ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ และ ยุคประวัติศาสตร์เป็น 6 ยุคด้วยกัน  ได้แก่ 1)ยุคคอมมูนบุพกาล(Primitive Commune)  2)ยุคทาส((Slavery) 3)ยุคศักดินา(Feudalism) 4)ยุคทุนนิยม(Capitalism) 5)ยุคสังคมนิยม และ 6)ยุคคอมมิวนิสต์(Communism)

คงจะต้องอรรถาธิบายถึงรายละเอียดของการแบ่งยุคทาง “ประวัติศาสตร์มนุษย์” The history of Human being) ทั้ง 2 แบบ กันต่อไปอีกสักหน่อยละนะ เผื่อใครจะไม่มีเวลาเข้าไปหาอ่านจากที่อื่น(ซึ่งมีมากมาย!) !!