เสือตัวที่ 6

การก่อเหตุร้ายในพื้นที่ปลายด้ามขวานในช่วงหลังมานี้ นับเป็นสัญญาณชี้ชัดว่าแกนนำขบวนการร้ายเพื่อเป้าหมายสุดท้ายคือการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐแห่งนี้นั้น ไม่ได้ยึดถือข้อตกลงร่วมใดๆ เป็นจริงเป็นจัง ด้วยคนกลุ่มนี้สามารถลงมือได้ทุกอย่างที่แม้อ้างข้อตกลงร่วมกับรัฐในเวทีเจรจาสันติภาพก็เพียงเพื่อประโยชน์ของกลุ่มตน ตามข้อตกลงร่วมด้วยหลักการตามแนวทางของแผนปฏิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติสุขแบบองค์รวม (JCPP) คือการลดความรุนแรง ซึ่งกลุ่มบีอาร์เอ็นยื่นเงื่อนไขให้รัฐต้องทำ 4 ไม่กล่าวคือ ไม่ปิดล้อม ไม่ตรวจดีเอ็นเอ ไม่จับกุม ไม่ติดประกาศหมายจับและรัฐต้องทำ 3 ลด คือ ลดลาดตระเวน ลดจุดตรวจ ลดพื้นที่ พ.ร.ก. และรัฐต้องทำ 4 ยอม กล่าวคือ ยอมให้บีอาร์เอ็นเปิดเผยตัวโดยไม่มีการจับกุม ยอมให้เข้าเมืองได้ ยอมให้จัดเวทีประชุมระดมความเห็นเพื่อแสวงหาทางออกทางการเมืองและรับฟังความเห็นสาธารณะ ตามแผน JCPP ทั้งรัฐต้องให้การคุ้มครองคุ้มกันคนเหล่านี้ไม่ให้เกิดอันตรายขณะเข้ามาจัดกิจกรรมด้วย รวมทั้งรัฐต้องยอมปล่อยนักโทษคดีความมั่นคง และปลดหมายจับ ในขณะที่กลุ่มบีอาร์เอ็นจะทำ 4 ไม่ คือ ไม่ก่อเหตุร้าย ไม่ขนย้ายอาวุธและระเบิด ไม่ยุ่งยุปลุกปั่น และไม่ทำผิดกฎหมาย

การก่อเหตุระเบิดรถยนต์บริเวณอาคารที่พักของข้าราชการตำรวจและครอบครัวในพื้นที่ สภ.บันนังสตา จังหวัดยะลา จากการก่อเหตุร้ายดังกล่าวเบื้องต้นพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดและเศษกระเบื้องเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตไปอีก 1 ชีวิตเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2567 นอกจากเป็นที่พักของครอบครัวข้าราชการตำรวจแล้ว ยังเป็นชุมชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมากเพราะเป็นพื้นที่ใกล้ตลาดของชุมชนจึงเห็นได้ว่า เงื่อนไขที่ฝ่ายบีอาร์เอ็นจะไม่ทำ 4 ไม่ดังกล่าวก็ไม่เกิดขึ้นจริง ซึ่งนั่นเป็นกลลวงให้ฝ่ายรัฐยอมผ่อนปรนมาตรการด้านความมั่นคงจนเป็นการเปิดโอกาสให้กองกำลังติดอาวุธของขบวนการร้ายแห่งนี้สามารถลงมือก่อเหตุร้ายใดๆ ได้อย่างง่ายขึ้นและการลอบสังหารเจ้าหน้าที่ทหารพรานในช่วงลาพัก อย่างโหดเหี้ยม บริเวณคลองชลประทาน ม.1 บ.คอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เป็นปรากฏการณ์หนึ่งในหลายๆ กรณีที่ชี้ชัดว่าแกนนำขบวนการร้ายแห่งนี้ยังคงเดินหน้าต่อสู้ด้วยอาวุธกับรัฐอยู่อย่างเข้มข้น เพื่อเร่งเร้าให้การเจรจาต่อรองของพวกเขาได้รับการตอบสนองด้วยดีจากรัฐไทยในเร็ววัน เพื่อให้เกิดสันติภาพตามที่รัฐไทยถูกตรึงให้อยู่กับที่ตามความหมายที่รัฐคาดหวัง

หากแต่เป็นสันติภาพที่ฝ่ายขบวนการร้ายแห่งนี้วาดฝันไว้อีกอย่างหนึ่งซึ่งแตกต่างตากสันติภาพในความหมายของรัฐโดยสันติภาพที่ฝ่ายขบวนการร้ายแห่งนี้วาดฝันไว้คือสันติภาพที่คนในพื้นที่อยู่อย่างสันติในแบบฉบับที่พวกเขาต้องการ นั่นคืออิสรภาพในการปกครองกันเองของคนในพื้นที่ หรือเอกราชในการเป็นรัฐปาตานีที่คนกลุ่มนี้ปรารถนา ซึ่งการบรรลุเป้าหมายสุดท้ายเหล่านั้น ต้องได้มาซึ่งความได้เปรียบของการเจรจาต่อรองของขบวนการเห็นต่างจากรัฐจนนำไปสู่การเอื้ออำนวยให้เดินหน้าไปสู่สันติภาพในรูปแบบที่เป็นอิสรภาพในการปกครองกันเองของคนในพื้นที่โดยสมบูรณ์ปรากฏการณ์การก่อเหตุร้ายในพื้นที่ในจุดที่เป็นพื้นที่หรือบุคคลเชิงสัญลักษณ์ของการต่อสู้ระหว่างกลุ่มขบวนการแห่งนี้กับรัฐจึงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ต่อไปตามจังหวะและโอกาสที่มีอย่างเข้มข้น คู่ขนานไปกับการเอาชนะการต่อสู้ทางความคิดและการเจรจาผ่านเวทีการพูดคุยเจรจาสันติภาพที่มีความย้อนแย้งกันอย่างน่าฉงน

การเจรจาสันติภาพที่ดำเนินกันอยู่ในห้วงเวลานี้ที่ดูเสมือนว่ามีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยการพูดคุยเจรจาซึ่งไม่น่าจะมีเหตุรุนแรงใดๆ ระหว่างกันอีกต่อไป หากแต่กลุ่มกองกำลังติดอาวุธของขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐก็ยังคงเดินหน้าเป็นฝ่ายลงมือก่อเหตุร้ายอันเป็นการต่อสู้ด้วยอาวุธอยู่อย่างเข้มข้นและต่อเนื่องทั้งที่ข้อตกลงร่วมเพื่อสร้างสันติสุขแบบองค์รวม (JCPP) คือการลดความรุนแรงที่ฝ่ายบีอาร์เอ็นจะทำ 4 ไม่ คือ ไม่ก่อเหตุร้าย ไม่ขนย้ายอาวุธและระเบิด ไม่ยุ่งยุปลุกปั่น และไม่ทำผิดกฎหมายเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างบรรยากาศที่ดีและความจริงใจระหว่างกันในการเดินหน้าสู่การจัดเวทีประชุมระดมความเห็นเพื่อแสวงหาทางออกทางการเมืองและรับฟังความเห็นสาธารณะ หากแต่แท้ที่จริงแล้ว เงื่อนไขตามข้อตกลงร่วมเพื่อสร้างสันติสุขแบบองค์รวม (JCPP) ดังกล่าว เป็นเพียงกลลวงให้ฝ่ายรัฐถูกตรึงให้อยู่กับที่ และเปิดโอกาสให้กองกำลังติดอาวุธของขบวนการได้พัฒนาตนเองให้กล้าแข็งขึ้นสู่การคงไว้ซึ่งการต่อสู้ด้วยอาวุธอย่างรุนแรงเพื่อนำสู่บรรยากาศของการขัดกันด้วยอาวุธระหว่างคนในพื้นที่กับรัฐ เพื่อเข้าสู่การแสวงหาทางออกทางการเมือง รับฟังความเห็นของชุมชนสู่การกำหนดอนาคตของตนเอง (RSD.) ในที่สุด

การปล้นปืนชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านในพื้นที่ จ.ยะลา จำนวน 4 จุด ของกองกำลังติดอาวุธอย่างอุกอาจของขบวนการร้ายแห่งนี้ที่แต่งกายชุดนักรบเต็มพิกัดแบบทหารพรานของรัฐ พร้อมอาวุธสงครามครบมือ  เข้าปล้นปืนลูกซอง 4 กระบอก ปืนพกสั้น 3 กระบอก วิทยุสื่อสารอีก 1 เครื่อง ในค่ำคืนของวันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา นับเป็นการท้าทายอำนาจรัฐโดยตรง และบ่งชี้ว่า เงื่อนไขที่จะลดความรุนแรงของฝ่ายบีอาร์เอ็นนั้นไม่เป็นจริง ขบวนการบีอาร์เอ็นเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงดังกล่าวอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ต่อเหตุการร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของฝ่ายเห็นต่างจากรัฐแต่ประการใด กลยุทธ์การเจรจาสันติภาพบนเวทีที่เปิดเผย คู่ขนานกับการต่อสู้ทางความคิด ยุยงปลุกปั่น บ่มเพาะความเกลียดชังคนต่างความเชื่อ ที่เร่งเร้าด้วยการใช้ความรุนแรงในการต่อสู้กับรัฐอย่างเข้มข้น เหล่านั้นเป็นกลยุทธ์การต่อสู้กับรัฐเพื่อให้คนกลุ่มนี้เดินหน้าสู่เป้าหมายสุดท้ายนั่นคือ การปกครองตนเองแบบที่มีกฎหมายรองรับรูปแบบการปกครองพิเศษ ที่ผ่านการแสวงหาทางออกทางการเมืองจากความเห็นหรือความต้องการของประชาชนในพื้นที่ด้วยแนวทางการกำหนดอนาคตของตนเอง (RSD.) จึงเห็นได้ว่า ขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐใช้การต่อสู้หลายมิติ สับขาหลอกไปมาให้รัฐจับต้นชนปลายไม่ถูก นับเป็นกลลวงอันลุ่มลึกที่รัฐยากจะเข้าใจ