ถามกันให้เซ็งแซ่ เมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี พ้นโทษในวันที่ 22 สิงหาคมนี้อย่างเป็นทางการแล้ว “ภารกิจ” ของอดีตนายกฯคนที่ 23 คนนี้จะไปทำอะไร  เพราะก่อนหน้านี้เจ้าตัวส่งสัญญาณแรงชัดแล้วว่าจากนี้ไป “รัฐบาล” จะดีขึ้นเรื่อยๆ

ความสัมพันธ์ระหว่าง ทักษิณ พรรคเพื่อไทย และ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ย่อมแยกกันไม่ขาด อีกทั้งในทางกลับกันต่างฝ่ายต่างต้องเชื่อมโยงกันเป็นเนื้อเดียวกัน และอาจจะ “ชัดเจน” มากยิ่งขึ้น เมื่อทักษิณ พ้นจากบ่วงคดีในวันที่ 22 สิงหาคมนี้

ยิ่งเมื่อมีคำถามว่า กูรูคนมีความสามารถระดับทักษิณ สมควรที่จะนั่งในตำแหน่งใด จึงจะเหมาะสม ยิ่งทำให้เวลานี้มีภาพสะท้อน ว่าเมื่อทักษิณ มาแล้ว เศรษฐา จะอยู่ตรงไหน จะอยู่บนตึกไทยคู่ฟ้า เหมือนเดิมโดยที่ไม่ถูกนำไปเปรียบเทียบ หรือความเชื่อมั่นของ “ผู้นำรัฐบาล” จะถูกลดทอนลงด้วยหรือไม่

ล่าสุด “วิษณุ เครืองาม” ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ต้องตอบคำถามสื่อถึงภารกิจของทักษิณนั้นสามารถทำได้ ตามปกติหากรัฐบาลให้มาช่วยงาน ก็ทำได้

“ เอาเป็นว่าในหลักการเป็นได้ทั้งนั้น ยกเว้นสิ่งที่รัฐธรรมนูญห้ามไว้ เช่น มาเป็นรัฐมนตรีไม่ได้ ส่วนอย่างอื่นเป็นได้ แต่นายทักษิณจะมาเป็นหรือไม่นั้น ผมไม่รู้ เพราะที่ฟังการให้สัมภาษณ์ นายทักษิณ ก็ไม่ได้บอกว่าจะมาเป็น เพียงแต่บอกว่าจะมาช่วยเท่านั้น ซึ่งการช่วยๆ ได้หลายสถานะ ไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งอะไรในรัฐบาลก็ได้”  (16 ก.ค.67)

ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่วิษณุ ตอบคำถามสื่อเรื่องของตำแหน่งว่าประชาชนคงไม่สับสนว่าใครเป็นนายกฯกันแน่  มีแต่สื่อที่สับสน เพราะในอดีตก็เคยมีเรื่องทำนองนี้ คือ “ผู้มีบารมี” ในพรรคออกมาช่วยงานรัฐบาล

“ ยกตัวอย่างในสมัยช่วงยึดอำนาจทั้งช่วง คสช.และ รสช. ที่ดำรงตำแหน่งทั้งนายกฯและหัวหน้า คสช. รวมถึงในช่วง พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ตอนนั้น นายอานันท์ ปันยารชุน  เป็นนายกฯ และอำนาจของหัวหน้า รสช.ยิ่งใหญ่กว่านายกฯเสียอีก”

สิ่งที่วิษณุ สะท้อนผ่านสื่อ กำลังทำให้เห็นในอีกมุมหนึ่งที่ “เหนือกว่า” การมีตำแหน่งในรัฐบาล นั่นคือการที่ทักษิณ มีบารมีในพรรคเพื่อไทย และอาจอยู่เหนือผู้นำรัฐบาลอยู่แล้ว แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาจากนี้ อาจกระทบต่อตัวเศรษฐา มากกว่าใคร  เพราะบรรดาสส.ในพรรคเพื่อไทย จะยิ่ง ออกฤทธิ์ และโจมตีเศรษฐา ชนิดที่ไม่ต้องเกรงใจกันอีกต่อไป