ภารกิจของ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ในห้วงเวลานี้ดูเหมือนว่าต้องทำงานแข่งกับเวลา ไปพร้อมๆกับการเรียกความเชื่อมั่นทั้งตัวเองและพรรคเพื่อไทย ว่าไม่ว่าแผนการผลักดัน “ดิจิทัลวอลเล็ต” อาจมี “สะดุด” แต่จะไม่มีทาง “ล้มเลิก” เป็นอันขาด 
    
และยังพบว่า วันนี้ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะมี “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ เข้ามามีบทบาท “ออกหน้า”  เมื่อพ้นโทษในเดือนส.ค.นี้หรือไม่ก็ตาม  แต่ทักษิณ ย่อมไม่ใช่ “ตัวช่วย” ที่จะทำให้สถานการณ์ของ พรรคเพื่อไทย และรัฐบาลนั้น “กระเตื้องขึ้น” ได้ตามที่คาดหวังกันเอาไว้ 

    
ในทางตรงกันข้าม ทุกความเคลื่อนไหวของทักษิณ ย่อมต้องระแวดระวังไม่ให้กระทบต่อ “คะแนน” ของนายกฯเศรษฐา และพรรคเพื่อไทย ไปมากกว่าที่ผ่านมา ด้วยซ้ำ เพราะในความเป็นจริงแล้ว  ในระหว่างการพักโทษ หรือเมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทักษิณ ย่อมทำหน้าที่เป็น “ที่ปรึกษา” มีส่วนกำหนดทิศทางให้กับเพื่อไทย และมีผลต่อการขับเคลื่อนนโยบายเรือธง อยู่แล้ว 
    
แต่เมื่อวันนี้ แผนการเดินหน้าโครงการแจกเงินหมื่น ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย จำเป็นต้องได้รับความเชื่อมั่นจากสังคม หลังจากที่ “พรรคก้าวไกล” ใช้เวทีสภาฯ “จัดหนัก” ที่ผ่านมาไปแล้ว โดยเฉพาะข้อกังวลเรื่อง “แหล่งที่มาของเงิน”  ซึ่งรัฐบาลถูกคัดค้านมาตลอดกรณีที่จะไปดึงเงินจาก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ออกมาใช้ 
    
จนในที่สุดรัฐบาลต้อง “ถอย” และมีการปรับแผนกันใหม่ โดยล่าสุด นายกฯเศรษฐา เป็นประธานการประชุมบอร์ดดิจิทัลวอลเล็ต ชุดใหญ่ เมื่อวันที่ 15 ก.ค.67 ที่ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นมีความชัดเจน  ซึ่งแถลงโดย “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง ว่าจะไม่มีการดึงเงินจากธ.ก.ส.มาใช้ ทำโครงการแจกเงินหมื่น แต่จะใช้วิธีการไปตัดจากงบประมาณ 2567 และงบประมาณ 2568 แทน รวม 4.5 แสนล้านบาท เพื่อแจกให้กับ 45 ล้านคน 
    
ทั้งนี้รมช.คลัง ยอมรับว่าที่ต้องล้มแผนดึงเงินจากธ.ก.ส.นั้น เนื่องจาก รัฐบาลได้ดำเนินการตามข้อห่วงใยของหน่วยงานต่างๆ ที่ตรวจสอบแหล่งที่มาของเงิน ซึ่งในอดีตการดำเนินโครงการของรัฐไม่มีโครงการใดที่มีคนลงทะเบียนร่วมโครงการเกิน 90% กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ   หารือร่วมกันและเห็นชอบกับการตั้งงบประมาณให้สอดคล้องกัน โดยปรับลดลงมาจากเดิม 5 แสนล้าน เหลือ 4.5 แสนล้าน
    
อย่างไรก็ดี “ความชัดเจน” จะได้รับการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการจาก นายกฯเศรษฐา ในวันที่ 24ก.ค.นี้ และในวันที่ 17 ก.ค.นี้ ดูเหมือนว่าพรรคเพื่อไทย เองยังต้องฟาดฟัน “สู้” กับพรรคก้าวไกลในสภาฯ กันอีกยก ในวาระ พิจารณางบประมาณเพิ่มเติม ในวงเงิน 1.22 แสนล้านบาทเพื่อนำมาใช้สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตใน ซึ่งเป็นงบเพิ่มเติมของปี 2567
    
ดังนั้นนาทีนี้ ดูเหมือนว่าทั้งนายกฯเศรษฐา และพรรคเพื่อไทยเองมีภาระหน้าที่ใหญ่ อยู่ที่การโชว์แอคชั่นเรื่องการเดินหน้าโครงการแจกเงินหมื่น เพื่อสู้กับ “กระแส” ในทางลบว่า ทั้งดิจิทัลวอลเล็ต และนายกฯเศรษฐา อาจจะ “ไปไม่รอด”  เหมือนๆกัน !