ชัยวัฒน์ สุรวิชัย เพราะ เห็นคนอย่างพวกผม  ออกมาวิจารณ์พี่ทักน้องปูพลพรรคเพื่อไทยนปช. ที่กล่าวหารัฐบาลประยุทธ์ ในทุกเรื่อง ไม่มีอะไรดี  มีแต่ระบอบทัก แม้นตดยังหอม และพวกผมให้กำลังใจ  พูดถึงผลงาน ของรัฐบาลที่ทำให้บ้านเมือง ชาวบ้านพอใจ และบางคนที่ไม่ได้ติดตามสถานการณ์  อาจจะมองว่า  “ ทำไม จึงเชียร์บ่อย จัง “เพราะ  “ เขา “ ไม่ได้ติดตามข่าวสาร ที่คนพวกนี้ ออกมาเล่นทหารอย่างเป็นระบบ มีตัวเล่น เปลี่ยนไปมา วิจารณ์กล่าวหาในทุกเรื่อง รวมทั้งใช้ต่างชาติมาโจมตีไทยด้วย และยังไปใช้ “ นักศึกษา  นักสิทธิ ฯ “  เป็นเครื่องมือ ใส่ร้ายรัฐบาล ในทุกโอกาส เพื่อให้เข้าใจง่ายๆ พวกผมตอบโต้พวกสมุนบริวารทัก  เพียงแค่  10 % เท่านั้น แต่เล่นที่หัว ที่แกนนำ  กรอบคิดที่พวกทัก ใช้  ทำลายรัฐบาลประยุทธ์ บางคนสายตาสั้นหรือดูเพียงผิวเผิน  ไม่มองลึกลงไปถึงเนื้อหาความเป็นจริงของแต่ละคน คงจะโทษเจ้าตัวที่อ้าปากวิจารณ์ มีกึ๋นน้อย ขาดการต่อสู้ที่เป็นจริงของสถานการณ์ ไม่ได้นัก เพราะ ไม่เข้าใจภาพรวมทั้งหมด และเอาตัวเองกำหนด ที่ทำเพื่อตัวเองเป็นหลักในชีวิต เพราะสังคมไทย มีลักษณะของคนที่ทำอะไรไป  ก็เพียงเพื่อผลประโยชน์ของตนเป็นหลัก คนที่มีอุดมการณ์ บางส่วน  ก็แปรเปลี่ยนไป เป็นสุนัขของ”พานอฟ “ที่ถูกกำหนดโดยกระดิ่ง ( เพราะทุกครั้งที่เจ้านายสั่นกริ่ง  เจ้าหมาน้อย ก็จะได้ชิ้นเนื้อ เป็นรางวัลตอบแทน ) คนที่มีอุดมคติ ที่กล้าคิดกล้าทำและพร้อมเสียสละ เพื่อบ้านเมือง  ก็เริ่มหาได้น้อยลง แต่ตราบที่ดวงตะวันยังขึ้นทางทิศตะวันออก  นักปฏิวัติเปลี่ยนแปลงสังคม ยังคงมีอยู่ ซึ่งจำเป็น  ที่จะต้องศึกษาหาความจริง จากประวัติการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่ผ่านมา คนส่วนหนึ่งพ่อแม่สอนมาดี  ทำตัวเป็นแบบอย่าง “คนดี กตัญญูตอบแทนคุณแผ่นดิน” โรงเรียนคุณครู สอน ให้ทำดีทำเพื่อส่วนรวม,ละหลักคิด “ วิริยะอุสาหะ นำพาไปสู่ความสำเร็จ “พระสงฆ์ที่น่าเคารพ  สอนให้เป็นคนดี คิดดีทำดีเพื่อคนอื่น  เป็นความสุข ไม่ควรเอาเปรียบใคร และจากการผ่านการปฏิบัติ ที่ได้พิสูจน์ตัวเองทั้งเรื่องการงาน และเรื่องใหญ่เพื่อบ้านเมือง การต่อสู้กับผู้ปกครองที่เป็นทหารทรราช ในยุค 14 ตุลา 2516  และ 17 พฤษภา 2535 ที่ในยามศึกยามสู้รบ เดินอยู่แถวหน้า  เสร็จศึก อยู่แนวหลัง หาเลี้ยงชีพ ไม่แสวงหาอำนาจ และยังคงทำในสิ่งที่ดีถูกต้องได้มาตลอด  เพราะ “ นี่คือความสุข ที่ได้ทำดีเพื่อสังคมบ้านเมือง” สรุป  คือ  การต่อสู้กับความไม่ถูกต้องชอบธรรม และไม่ทำสิ่งไม่ดีงาม  เป็นความสุข ทำมาแทบทุกกรณี  ไม่ว่า  จะเป็นรัฐบาลเผด็จการทหารหรือเผด็จการทุนสามานย์ ทำเพื่อให้ประชาชนยิ้มได้ มีสิทธิเสรีภาพ สังคมที่เป็นธรรม บ้านเมืองเจริญพัฒนา  อีกด้านหนึ่ง  ก็สนับสนุนรัฐบาลที่ดีทำเพื่อประชาชน ไม่ว่าเป็นรัฐบาลพลเรือนหรือทหาร หรือแม้แต่พรรคการเมือง เมื่อทำดีทำถูกต้อง ก็สนับสนุน  ทำผิดก็คัดค้าน และต่อต้านหากทำชั่ว และต้องมีหลักยึด  ในการสนับสนุนและคัดค้าน  ขึ้นอยู่กับการกระทำของรัฐบาลพรรคการเมือง เพราะในสังคมไทย ที่อยู่ในระยะเปลี่ยนผ่าน  ยัง ไม่มีรัฐบาลหรือพรรคการเมืองที่สมบูรณ์ หากยังทำดีทำเพื่อประชาชนและประเทศเป็นส่วนใหญ่   เราก็สนับสนุนในส่วนที่ดีและถูกต้อง แต่ถ้าหาก ทำไม่ดี ทำเพื่อตนเอง และประชาชนประเทศเสียหาย   เราก็ต้องคัดค้าน และหากมีการกระทำเป็นทรราช เป็นเผด็จการ ทำให้ประเทศเกิดวิกฤต ชาวบ้านเดือดร้อน เราก็ต้องออกมาต่อสู้คัดค้าน  ด้วยการกระทำ  แม้ชีวิต หากจำเป็น และได้ทำมาแล้ว  สังคมไทย  การสร้างกระแส “ ไม่เอาทหาร “  ง่ายกว่า  “ ไม่เอานักเลือกตั้งสามานย์ฉ้อฉล รวมทั้งการกล่าวหา “ทหารเป็นเผด็จการ“  คนรับได้มากกว่า “ นักการเมืองเป็นเผด็จการ” เพราะ มาจาก  4  ทางใหญ่  ที่มีบทบาท และมีส่วนกำหนดทิศทางของสังคมไทย 1.    ปีกซ้าย  ที่มีภาพด้านลบของรัฐบาลเผด็จการทหาร ที่ทำต่อประชาชนและพวกเขา ที่ใช้อำนาจเผด็จการทหาร กระทำต่อนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและชาวบ้านชนบท มีมานานก่อนยุค 14 ตุลา 2516  และหลัง โดยเฉพาะ กรณี 6 ตุลา 2519 และกรณี 17 พฤษภาคม 2535  และพฤติกรรมบางส่วนของทหารในยุคต่อๆมา 2.ปีกเสรีนิยม  ที่โดนกระทบจากเผด็จการทหาร ในยุคเดียวกับฝ่ายซ้าย และที่สำคัญคือ การที่ติดกรอบความคิดตะวันตก  มองแบบตายตัวไม่แยกแยะ ผู้คนเหล่านี้บางส่วน ไปศึกษาจากต่างประเทศ มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับตะวันตก ความต้องการ การยอมรับจากตะวันตก จึงมักจะแสดงตนออกมาวิจารณ์ทหาร นักวิชาการบางส่วน ติดอคติต่อทหาร โดยกล่าวหาทหารคอรับชันมากกว่านักเลือกตั้ง ซึ่งขัดกับสภาพความเป็นจริงของสังคมไทยในยุคทุนสามานย์ ที่โกงกินระดับแสนล้าน โดยอ้างว่า  “ ทหาร ไม่สามารถตรวจสอบได้ เช่นนักการเมือง ที่ต้องอยู่ในระบบ “เป็นการมองแค่รูปแบบ แต่เนื้อหา คือ ยากจะเอานายก-รัฐมนตรีโกงมาลงโทษได้ 3.ปีกเอ็นจีโอ พวกสิทธิมนุษยชน ที่รับความคิดจากตะวันตกและบางส่วนเป็นเงินทุน พวกเขา มีจิตใจที่ดี เป็นอาสาสมัครช่วยเหลือชาวบ้าน ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม และความเป็นจริง  ก็มีทหารบางคนบางส่วนที่ใช้อำนาจกระทำต่อชาวบ้านคนชนบท ซึ่งทางที่ถูก  ควรจะต้องมีการแยกแยะ ในส่วนที่ผิด และส่วนที่ถูกออกจากกัน แต่จะมักเหมารวม ว่า“ ทหารเผด็จการ ใช้อำนาจต่อชาวบ้าน “ โยงไปถึงรัฐบาลทหาร ซึ่งก็มีบางส่วน คิดเช่นกับ พวกเสรีชน และบางส่วนรับทุนต่างชาติมาทำโครงการฯ 4.เป็นกระแสจากโลกาภิวัฒน์ ประเทศมหาอำนาจตะวันตก และประเทศประชาธิปไตย ที่มาทั้งทางตรงและทางอ้อม   โดยทางตรง มาจากการคัดค้านการรัฐประหารทหาร ที่จะมีอยู่ตลอดเวลา  ในช่วงรัฐประหาร และการอยู่ในอำนาจของรัฐประหาร และทางอ้อม จาก กรอบความคิดที่นักการเมืองนักวิชาการ ติดมาจากการศึกษาและการไปเรียนไปสัมพันธ์กับคน องค์กรและสถาบันของชาติตะวันตก ความจริงหากเราดูจากทิศทางและเส้นทางเดินของรัฐบาลทหารและพลเรือนที่ผ่านมา เราก็จะเห็นได้ชัดเจน  ได้ภาพที่ถูกต้อง ตรงความเป็นจริง ด้วยสติปัญญา มิใช่อคติ ในยุคก่อนหน้า ยุค 14 ตุลา 2516  รัฐบาลทหารมีลักษณะเผด็จการมาก เป็นเรื่องจริง และเมื่อถึงยุค 17 พฤษภา 2535  แม้จะถูกกล่าวว่า เป็นเผด็จการทหาร แต่เริ่มลดลง แต่ต่อมาในส่วนของรัฐบาลพลเรือนและนักการเมืองที่มีลักษณะประชาธิปไตยสูงแต่ก็เริ่มมีการทุจริตคอร์รัปชัน และการใช้อำนาจโกงกิน มิชอบธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นสูงสุดในยุคของรัฐบาลทักษิณ ปี 2544 ซึ่งพัฒนาไปสู่ระบอบเผด็จการรัฐสภา การรัฐประหารโดยทหาร ที่เกิดขึ้น เป็นส่วนสำคัญทำให้เกิดภาพของเผด็จการ และถูกโหมโฆษณาให้ใหญ่โต โดยนักการเมืองและสื่อของทุนสามานย์เพราะ นักการเมือง  เป็นผู้เสียผลประโยชน์จากการถูกรัฐประหารล้มอำนาจพวกเขาลงจึงเป็นคู่กรณีและคู่ความขัดแย้งเชิงอำนาจและผลประโยชน์โดยตรง แต่การรับรู้ด้วยตัวเองของมวลมหาประชาชน ถึงความชั่วช้าเลวทรามของระบอบทักษิณ ที่มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ตั้งแต่รัฐบาลทักษิณปี 2544 รัฐบาลนอมินีสมัครสมชาย จนมาถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์  ตั้งแต่ การใช้อำนาจทุนซื้อเสียงซื้อพรรค ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม  การใช้อำนาจรัฐโกงกินอภิมหาโครงการ กอบโกยเงินทองไปมหาศาล แบ่งผลประโยชน์ตามลำดับหัวหน้า แกนนำ จนถึงลูกสมุนบริวารปลายแถว ที่รวยทันตา การใช้อำนาจฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ใช้ข้าราชการ ตำรวจ อัยการ กลุ่มอิทธิพล กระทำต่อประชาชนและคู่แข่งทางการเมือง การฆ่าตัดตอนประชาชนผู้บริสุทธิ์ เหตุการณ์ปี 2552 และ 2553 ที่นำโดยทักษิณเพื่อไทยนปช. ทำให้คนเข้าใจชัดเจน จนได้ข้อสรุปว่า “การที่บ้านเมืองวิกฤตจนไม่มีทางแก้  มาจากระบอบเผด็จการรัฐสภาฯ” และ “ การรัฐประหารของคสช. ที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ เป็นการเข้ามาแก้วิกฤต และกำลังดำเนินการปฏิรูปและแก้วิกฤตต่างๆที่เกิดขึ้นในยุครัฐบาลเลือกตั้ง ฯ  การสนับสนุนรัฐบาลทหาร ที่ทำเพื่อประชาชนและประเทศชาติ เป็นเรื่องที่สมควรจะทำ แต่ก็ได้วิพากษ์วิจารณ์เชิงสร้างสรรค์กับสิ่งที่ทำไม่ถูกต้อง มิใช่เชียร์ทุกเรื่องแม้เรื่องผิด