ท่ามกลางสถานการณ์ที่รัฐบาลอยุ่ในจุดหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ เมื่อชะตากรรมหัวหน้ารัฐบาล คือ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แขวนอยู่บนเส้นด้าย หลังจาก 40 สว.ยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่ง สั่นคลอนความเชื่อมั่น ในขณะที่โพลสถาบันพระปกเหล้าออกมาตอกย้ำเรื่องคะแนนนิยม
จู่ก็มีข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับโครงการเติมเงิน10,000 บาทผ่านระบบดิจิทัลออกมา ว่ารัฐบาลกำลังจะแจกเงินในโครงการดังกล่าวให้กับกลุ่มเปราะบางก่อน ในวันที่ 30 กันยายนนี้ ทว่าที่สุดแล้ว ก็ได้รับการแก้ไขว่าข่าวดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อน
โดยที่มาของต้นเรื่องนั้น นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า เป็นเรื่องที่เสนอเข้ามา มีเอกสารจากสำนักงบประมาณมาประกอบว่า เนื่องจากโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ต้องลงทะเบียนให้เสร็จภายในเดือนกันยายนปีนี้ และเมื่องบประมาณ 5 แสนล้านบาท ไม่ได้ออกมาพร้อมกันทีเดียว ทยอยมาแต่ละก้อน สำนักงบประมาณได้เสนอหลักการมาว่า ถ้าเป็นแบบนี้ เขาใช้คำว่า “อาจจะพิจารณาเปิดโอกาสให้กับกลุ่มเปราะบางที่เดือดร้อนกว่าก่อน” ซึ่งเสนอเอกสารในครม.เมื่อวาน แต่เวลาพูดคุย ไม่ได้พูดคุยข้อเสนอข้อนี้ ครม.ก็รับเอกสารไว้ ไม่ได้มีใครโต้แย้ง เพียงแต่ว่า ไม่ได้ถกกันเป็นเรื่องเป็นราว แต่เราถือว่าเอกสารที่สำนักงบประมาณเสนอ และแนบเรื่องมากับครม. ก็เสมือนหนึ่งเห็นชอบ แต่ในที่ประชุมไม่ได้หยิบเรื่องนี้มาเน้น… เรามีหลักการอย่างนี้ ถ้าเงินมาพร้อม เราแจกทันทีทุกคน ถ้าเงินมาไม่พร้อม จะทยอยแจกยังไง สำนักงบประมาณจึงเสนอว่า อาจจะพิจารณาเสนออย่างสุภาพว่า ถ้าเกิดกรณีแบบนี้ เราควรเรียงลำดับให้กับกลุ่มเปราะบางก่อนหรือไม่
สำหรับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet มีไทม์ไลน์ที่ชัดเจนจากกระทรวงการคลัง โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนภายในเดือนกันยายน 2567 และเริ่มแจกเงินไตรมาสที่ 4 ปีนี้ และในส่วนของแหล่งเงินนั้น คณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็มติแล้วว่าจะมาจาก 3 แหล่ง ได้แก่ 1.งบประมาณปี 2567 จำนวน 175,000 ล้านบาท 2.งบประมาณ ปี 2568 จำนวน 152,700 ล้านบาท และ 3.การดำเนินการผ่านหน่วยงานภาครัฐ จำนวน 172,300 ล้านบาท
ทั้งนี้ สำนักงบประมาณ ได้นำเสนอว่างบประมาณ 67 ต้องมีการจัดสรรเพิ่มเติมอีก 122,000 ล้านบาท ซึ่งที่ประชุม ครม.ได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และจะนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป โดยคาดว่าจะผ่านสภาฯ ในเดือนสิงหาคมนี้
ขณะที่นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่าได้ประกาศไปแล้วจะมีการลงทะเบียน ประชาชนและเริ่มลงทะเบียนร้านค้าในไตรมาสที่ 3 ในส่วนของจ่ายเงินจะจ่ายงวดเดียวทั้งก้อนทุกคนได้เงิน 10,000 บาทและ 50 ล้านคนได้พร้อมกัน ยังคงเป็นแนวนั้นอยู่ อาจจะมีการเข้าใจกันคลาดเคลื่อนจึงขอชี้แจงในวันนี้ ยืนยันว่าจะมีการจ่ายเงินได้ภายในไตรมาส 4 และยืนยันว่าจะไม่มีการพิจารณาให้กลุ่มไหนก่อน เพราะคณะกรรมการดิจิทัล ก็ไม่เคยพิจารณาจะให้กลุ่มไหนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทุกคนควรจะได้พร้อมกันในระยะเวลาเดียวกันและในจำนวนเงินที่เท่ากันเพื่อที่การกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะมีเม็ดเงินจำนวนมากลงไปในระบบพร้อมๆกัน
โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่าแหล่งเงินกู้ในโครงการนั้นย้ำว่าขณะนี้แหล่งเงินกู้ถูกเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจนส่วนหนึ่งมาจากงบกลางปีเพิ่มเติมปีงบประมาณ 2567 วงเงิน 112,000 บ้านบาท และเงินจากการขยายงบขาดดุล เพิ่มขึ้นรวมถึงวงเงินตามมาตรา 28 จาก ธกส. และยืนยันว่าการพัฒนาซุปเปอร์แอป ยังยืนยันอยู่ในไทม์ไลน์เดิมจะเริ่มมีการเปิดลงทะเบียนให้ประชาชนในไตรมาส 3 และกระจายเงินลงสู่ประชาชนในไตร 4
อย่างไรก็ตาม เราๆท่านๆคงต้องติดตามว่า ไปพร้อมกันระหว่างชะตากรรมของหัวหน้ารัฐบาลและความเป็นไปของนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย อย่างโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านระบบดิจิทัล ภายใต้มือกลั่นกรองกฎหมายกระบี่มือหนึ่ง อย่างนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี