ตัวเลขผู้ปวยจิตเวชของไทยในปี 2566 อยู่ที่ 2.9 ล้านคน เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา จากการรายงานของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ สะท้อนปัญหาสุขภาพจิตที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในสังคม

โดยนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ ระบุว่า  แม้ว่าประเทศไทยจะมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษา 2.9 ล้านคน แต่ผู้มีปัญหาอาจมากถึง 10 ล้านคน ทำให้สัดส่วนผู้มีปัญหาสูงกว่าค่าเฉลี่ยระดับโลก และสะท้อนให้เห็นว่ายังมีผู้ที่ไม่ได้เข้ารับรักษาเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้พบว่าระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2566-22 เมษายน  2567 ผู้มีความเครียดสูงถึง 15.48% เสี่ยงซึมเศร้า 17.20% และเสี่ยงฆ่าตัวตาย 10.63% ซึ่งแย่ลงกว่าในช่วงปีที่ผ่านมา

ประเด็นที่น่าห่วงใย ของสภาพัฒน์ คือ ปัญหาสุขภาพจิตไม่เพียงกระทบต่อตนเอง แต่ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจมากกว่าที่คิด โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่า ภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวลของประชากรทั่วโลก ทำให้วันทำงานหายไปประมาณ 12 พันล้านวัน สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่ เกือบ 1 ใน 5 ของผู้มีปัญหาสุขภาพจิตไม่สามารถดูแลตนเองได้ ทำให้ครัวเรือนต้องจัดหาผู้ดูแล และเป็นการสูญเสียทรัพยากรบุคคลเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีผู้ป่วยจิตเวชที่มีความเสี่ยงสูงต่อการก่อความรุนแรง (SMI-V) ไม่ถึง 1 ใน 4 ที่ได้รับการติดตามดูแลและเฝ้าระวังตามแนวทางที่กำหนด

สภาพทางเศรษฐกิจ และสังคมที่มีความกดดัน ส่งผลให้คนไทยเป็นโรคซึมเศร้า และโรควิตกกังวลมากขึ้น ในปีงบประมาณ 2566 พบสัดส่วนผู้ป่วยกลุ่มโรควิตกกังวลและโรคซึมเศร้า สูงเป็น 2 อันดับแรก สูงกว่าผู้ป่วยติดยาบ้าและยาเสพติดอื่นๆ รวมกัน

ที่สำคัฐคือ การฆ่าตัวตายสูงใกล้เคียงกับช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ในปีงบประมาณ 2566 พบว่า มีผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายอยู่ที่ 7.94 ต่อประชากรแสนคน ใกล้เคียงช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง (8.59 ต่อประชากรแสนคน)

นอกจากนี้ ปัญหาสิ่งแวดล้อม เป็นปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตภายใน จากการศึกษาในประเทศอังกฤษ พบว่า มลพิษทางอากาศส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้าในเยาวชนเพิ่มขึ้น 20% ซึ่งไทยต้องเฝ้าระวังเนื่องจากกำลังประสบปัญหาฝุ่น PM 2.5 สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

เราเห็นว่า แม้ปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปรับกลยุทธ์ทำงานเชิงรุก และสร้างเครือข่ายในการดูแลสุชภาพจิต แต่สภาพปัญหาที่รุนแรงจากปัจจัยกดดันต่างๆ จำเป็นที่ทุกภาคส่วนของสังคม ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ชุมชน สถานศึกษา สถานการประกอบการต่างๆ ต้องวางมาตรการในการป้องกันปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำ