รัฐบาลผสมข้ามขั้วระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ตอกย้ำอมตะวาจา “ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร”

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด จะดีลลับหรือดีลเปิดเผย  การเมืองคือ การเจรจา เพื่อเดินไปสู่เป้าหมายด้วยกันของทุกฝ่าย

แน่นอนว่า ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน

หลังการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 การเจรจาจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันของพรรคเพื่อไทยกับพรรคร่วมรัฐบาลในขั้วอำนาจเก่า ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่  นายเศรษฐา ทวีสิน ได้รับเสียงสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างท่วมท้น  พร้อมการเดินทางกลับประเทศไทยของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566

ล่าสุด สถานการณ์การเมืองเดินมาถึงจุดอันตรายหักศอก ที่ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องของ 40 สมาชิกวุฒิสภายื่นเรื่องต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานรัฐสภา เพื่อขอให้วินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสามประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ผู้ถูกร้องที่ 1 และนายพิชิต ชื่นบาน รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องที่ 2 สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรมนูญหรือไม่นั้น ซึ่งนายพิชิตได้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีแล้วนั้น

นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตอบคำถามหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง และจะต้องเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่รอบนี้ โดยไม่มี สว.แล้ว จะมีโอกาสจับมือกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ว่า  ไม่มีโอกาสพรรคก้าวไกลจะจับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย คิดว่าพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่เป็นคู่แข่งกันในทางการเมือง

แม้ท่าทีของพรรคก้าวไกลจะมีความชัดเจน แต่ในฝั่งของพรรคเพื่อไทย สะท้อนจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตั้งการ์ดสูง โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทยคิดว่าอะไรที่พอเป็นประโยชน์ให้ประเทศเดินหน้าได้เราก็ยินดี

และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าวันหนึ่งมีเหตุจำเป็นพรรคเพื่อไทยยังจับมือกับพรรคก้าวไกลได้อยู่ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า อย่าไปพูดในสิ่งที่ยังไม่เกิด มันสร้างจิตนาการที่ไปไกลเกิน พอพูดแล้วจะทำให้เขารู้สึกว่าอยากหรือไม่อยาก แล้วเขาก็จะโต้กลับมาเป็นประเด็นโต้แย้งทางการเมือง  ไม่อยากทำงานการเมืองแบบตอบโต้กันไปมา แล้วจินตนาการว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้จะเกิด ถือว่าไม่เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง

นั่นเป็นท่าทีของพรรคเพื่อไทย กระนั้น หากประมวลจากภาพรวมการเมืองที่ผ่านมา ก็ยากที่จะปิดประตูระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ยิ่งในวันที่ การเมืองพลิกผันได้ตลอดเวลา และเต็มไปด้วยการเจรจาต่อรอง

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญ เหนือการเจรจาต่อรอง คือการรักษากติกาและความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองที่ทุกฝ่ายต้องสำเหนียก