29 พ.ค.67 อัยการสูงสุด มีคำสั่งฟ้อง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 ตามข้อกล่าวหา กระทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112 แม้ครั้งนี้ ทักษิณ จะไม่ได้เดินทางมาฟังคำสั่งด้วยตนเอง เนื่องจากคืนวันที่ 28 พ.ค.ทนายความได้ยื่นคำร้อง ขอเลื่อนนัด โดยให้เหตุผลว่าทักษิณ ติดโควิด-19 ก็ตาม
แต่ทั้งนี้ พนักงานอัยการไม่สามารถยื่นฟ้อง ทักษิณ ต่อศาลอาญาได้ เนื่องจาก เจ้าตัว ไม่ได้มาพบพนักงานอัยการตามกำหนดนัด โดยได้มอบอำนาจให้ทนายความมายื่นขอเลื่อนการฟังคำสั่งของพนักงานอัยการ ออกไปเป็นวันที่ 25 มิ.ย. 67 พร้อมแนบใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าป่วย เนื่องจากติดโควิดตามคำร้องจริง ดังนั้นจึงอนุญาตให้ทักษิณเลื่อนไปวันที่ 18 มิ.ย.67
แน่นอนว่าการที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง ทักษิณ ครั้งนี้ แม้เจ้าตัวจะไม่มารับฟังคำสั่งด้วยตัวเอง ได้ถูกประเมินเอาไว้ตั้งแต่แรกจาก กองแช่ง ฝั่งตรงข้ามทักษิณ แล้วว่า หากประเมินแล้วพบว่า แนวโน้ม ในทางคดีจะออกมาเป็น โทษ มากกว่า คุณ เขาเองจะต้องหาทาง ดิ้นหนี และจะไม่พาตัวเอง เข้ามาเสี่ยงในคดี ม.112
นอกจากนี้ อีกด้านหนึ่งยังเป็นการ เลี่ยง ไม่ให้ต้องถูกดดันจากบรรดาม็อบ และแนวร่วมม็อบต่อต้านสถาบัน ที่ถูกคดีม.112 ด้วยกันหลายราย ว่าในฐานความผิดคดีเดียวกัน คือม.112 นั้นระหว่างแกนนำม็อบสามนิ้ว กับทักษิณ จะเกิดปัญหาสองมาตรฐานตามมาหรือไม่
อย่างไรก็ดีการที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องทักษิณ ในครั้งนี้กำลังถูกมองข้ามช็อตกันต่อไปว่า นี่คือ ผลพวง อันเกิดจากแรงกระทบที่มาจาก ดีลลับ ที่ขั้วทักษิณ เคยทำเอาไว้กับ ฝ่ายอนุรักษ์นิยม จนเขาเองได้กลับบ้าน กลับประเทศไทยในรอบ 17 ปีว่าถึงเวลาที่ขั้วอำนาจเก่า ต้อง กระชับพื้นที่ เบรกความเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ไม่ให้ ล้ำเส้น มากไปกว่าที่เป็นอยู่
ดังนั้นเมื่อวันนี้มีความชัดเจนว่าทักษิณ ติดบ่วงคดีม.112 เช่นนี้ โอกาสที่เขาเองจะเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้อย่างอิสระ หรือท้าทาย ฝั่งตรงข้าม อาจต้องปรับทิศทางกันใหม่ เพราะอย่าลืมว่าคดีม.112 เรื่องนี้มีอายุความยาวนานไปถึง 2573
แม้ในเดือนส.ค.นี้ทักษิณ จะพ้นโทษ จากคดีเก่าที่ติดบ่วงตั้งแต่เขากลับมาถึงเมืองไทยแล้วก็ตาม !