การเสียชีวิตของ บุ้ง ทะลุวัง ชื่อจริง เนติพร เสน่ห์สังคม แกนนำม็อบราษฎร ที่ผ่านมาภายหลังอดอาหาร ที่อดอาหารประท้วงกว่า 110 วัน ด้านหนึ่งคือความสูญเสียของครอบครัว บุ้ง ทะลุวัง
แต่ขณะเดียวกัน ปฏิเสธไม่ได้ว่า เวลานี้ทั้งฝ่ายผู้ชุมนุมม็อบราษฎร หลากหลายกลุ่ม และฝ่ายการเมืองอย่าง พรรคก้าวไกล กำลังเลือกจังหวะนี้ ตีเหล็ก ยามร้อน ด้วยการออกหน้าเรียกร้อง ผลักดันให้มีการปล่อยผู้ต้องหาในคดีความผิดตามมา 112
16 พ.ค.67 ที่ผ่านมา เกิดความเคลื่อนไหวทั้งจากม็อบราษฎร และพรรคก้าวไกล ในห้วงเวลาเดียวกัน โดย ไผ่ ดาวดิน จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา แกนนำทะลุฟ้า รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และ มายด์ ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ไปเยือนทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึงรัฐบาล ที่ศูนย์ รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล 1111
เป้าหมายคือการ เรียกร้องให้มีนโยบายคืนสิทธิการประกันตัวของผู้ต้องขังคดีทางการเมือง ภายหลังจากที่ บุ้ง กลุ่มทะลุวัง เสียชีวิตระหว่างคุมขัง และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบการเสียชีวิตให้เกิดความโปร่งใสและชัดเจนโดยเร็ว
พร้อมกันนี้ยังเร่งรัดการออกกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนทุกฝ่าย ทุกข้อหา ที่มีมูลเหตุ มาจากคดีทางการเมือง ซึ่งขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในวันเดียวกัน แกนนำม็อบทะลุฟ้า เข้ายื่นหนังสือต่อ คณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพ.ร.บ.นิรโทษกรรม สภาฯ เพื่อขอให้เร่งพิจารณากำหนดให้คดีกระทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ให้รวมอยู่ในการได้รับการนิรโทษกรรม
แน่นอนว่ากระบวนการขั้นตอนการผลักดันของ บรรดาม็อบราษฎรและแนวร่วมย่อม มีความหวัง ว่าการเสียชีวิตของบุ้ง ทะลุวัง ย่อมไม่สูญเปล่า และเช่นเดียวกับพรรคก้าวไกลเองที่จะสามารถใช้ห้วงเวลานี้ ร่วมออกแรง แต่ขณะเดียวกันกลับกลายเป็น จุดเปราะบาง สำหรับพรรคเพื่อไทย ไปโดยปริยาย ทั้งการถูกทวงถามสิ่งที่เคยรับปากเอาไว้เมื่อครั้งหาเสียงว่าจะเสนอให้ปล่อยผู้ต้องหาในคดี ม.112 นั้นจะทำจริงจังหรือไม่
และเหนืออื่นใด ไปกว่านั้น คือการที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้ซึ่งยังอยู่ในระหว่าง พักโทษ แต่ผู้คนยังแคลงใจสงสัย มาโดยตลอดว่าทักษิณ เคยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างจริงจังหรือไม่ สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทย ที่มีทักษิณ เป็นเจ้าของพรรค และรัฐบาลที่มีทักษิณ มีอิทธิพลเหนือหัวหน้ารัฐบาลเช่นนี้ มีแต่จะเสียรังวัด และทำให้พรรคเพื่อไทย เดินไปข้างหน้า ได้ยากเย็นยิ่งขึ้น !