เราถอดบทเรียนวิกฤติการเมืองกันมานักต่อนัก หากแต่ทำไมบรรยากาศการเมืองในปัจจุบัน จึงยังมผู้ที่จิตประหวัดหรือหวนหาการเมืองนอกวิถีประชาธิปไตยอยู่เล่า

ฤา วัน 32 ปีเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ทีผ่านมา ผู้เกี่ยวข้อง ทั้งหมาก โคน ขุน เบี้ย ต่างไม่ได้เรียนรู้เลยหรืออย่างไร หรือเรียนรู้เพียงเพื่อจะอิงแอบนำมาใช้เพือ่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ทำให้การเมืองปัจจุบันเมีแง่มุมที่ทับซ้อนและคล้ายเป็นเงื่อนไข ที่เคยเป็นปัจจัยสร้างความวุ่นวายในอดีต

อย่างไรก็ตาม ขอหยิบยกผลึกความคิดของ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวในงานพิธีรำลึก 30 ปี สดุดีวีรชนพฤกษาประชาธรรม เมื่อ 2 ปีก่อนมาถ่ายทอดอีกครั้ง ดังนี้

“หลังจากเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ได้ลุกลามต่อไป ตนได้รับเกียรติยศได้รับเชิญให้มาเป็นนายกฯ ต่อมาได้เป็นคณะกรรมการในเรื่องของการชดใช้ความเสียหาย การสูญเสียทรัพย์ การสูญเสียพี่น้องทั้งหลาย ซึ่งการสูญเสียนั้น ญาติพี่น้องที่อยู่ ณ ที่นี่จำได้ดี แม้จะผ่านมา 30 ปีแล้ว แม้แต่ตัวของตนเองก็จำได้ดี และคงจะไม่ลืม ในชีวิตคนเราทุกคนที่ได้ประสบปัญหาในชีวิต จะเป็นเพราะเราทำเองหรือคนอื่นทำให้ หรือเราเป็นผู้ถูกกระทำ ชีวิตเราต้องดำเนินต่อไป และชีวิตที่เราดำเนินต่อมาอีก 30 ปี หลายครั้งหลายคราวความขมขื่นก็ยังคงเหลืออยู่ แต่สุดท้ายถึงแม้จะไม่มีการค้นหาความจริงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเกิดเพราะเหตุใด ใครเป็นผู้กระทำหรือใครเป็นผู้ถูกกระทำ ซึ่งในทางพุทธศาสนาเราจะเอาความเคียดแค้น ความเสียใจ ความผิดหวังในชีวิตมาแป็นเครื่องกีดขวางการดำเนินชีวิตในอนาคตไม่ได้ ดังนั้นตนยินดีที่ไม่กี่ปีมานี้ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก็ได้ออกมาแล้ว โดยกระทรวงกลาโหมได้มีการขอโทษเป็นทางการ และผู้ที่มีส่วนเสียหายก็ได้อโหสิกรรมให้กับการกระทำ

“เรามีบทเรียนแบบนี้หลายครั้ง ใน 80 ปีที่ผ่านมา แต่เราก็ไม่เคยจำ เพราะทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศนี้ยังเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้งต่อไป การไม่อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ทำให้ความขัดแย้งที่ลุกล้ำเข้าไปถึงจิตใจประชาชน ก่อให้เกิดความเกลียดชัง โมโห โทสะ อย่างรุนแรง ถ้าเราไม่เรียนจากประวัติศาสตร์ว่าสิ่งที่ผ่านมาผิดตลอดเวลา เมืองไทยเราจะหาความสุขสงบได้ยาก เพราะความปรองดองต้องสร้างขึ้นจากพวกเราทั้งหลาย โดยการสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน สร้างความเชื่อถือและความมั่นใจซึ่งกันและกัน"

นั่นเป็นข้อคิดจาก อดีตนายกรัฐมนตรี ที่นายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน จะได้ตกผลึกตรึกตรองร่วมกัน ในการเดินหน้านิรโทษกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดวิกฤติซ้ำ ได้โปรดเถอะ ปรองดองประสานประโยชน์เพื่อประชาชนและประเทศชาติกันได้หรือยัง