ในความสัมพันธ์ การอยู่ร่วมในฐานะ พรรคร่วมรัฐบาล ล่วงเลยมาเกือบ 10เดือน หลายสิ่งหลายอย่างเริ่มปรากฎ ตอกย้ำว่า เมื่อการจับมือข้ามขั้วอุดมการณ์ทางการเมือง แล้วมาตั้งรัฐบาล 314เสียง โดยมี พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำรัฐบาล นั้นไม่อาจดำรงอยู่ด้วยความเหนียวแน่น แน่นแฟ้น ชนิดที่เรียกได้ว่าร้องเพลงเป็น คีย์เดียวกัน
แต่ขณะเดียวกัน หากจะถึงขั้น แตกหัก หรือพรรคใดพรรคหนึ่ง ถอนตัว จากการร่วมรัฐบาล เลยนั้น ก็ดูจะเป็นไปได้ยากเช่นกัน !
การประกาศเดินหน้าของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหายาเสพคติดกลับไปหาข้อเสนอ และแนวทางร่วมกัน กรณีที่จะเปลี่ยนแปลง นโยบายยาบ้า5 เม็ด ให้เหลือเพียง แม้มีครอบครอง 1เม็ด ก็ถือว่า ผิดกฎหมาย กำลังกลายเป็น โปรเจคใหม่ ที่จะทำให้รัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย สามารถพลิกกลับมา ครองใจ ผู้คนที่ได้รับความเดือดร้อนจากนโยบาย ยาบ้า5เม็ด ถือเป็นผู้ป่วยที่ต้องนำตัวไปบำบัด
นอกจากนี้การปักหมุดประกาศว่า รัฐบาลจะดึงเอา กัญชา กลับเข้าสู่ บัญชียาเสพติด จนทำให้ ถูกมองว่า เหตุใดพรรคเพื่อไทยจึงเลือกที่จะ หัก กับ พรรคภูมิใจไทย หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล ที่เคยชูนโยบายกัญชาเพื่อการแพทย์ จนกวาดคะแนนเสียงเข้าสภาฯ มาได้อย่างน่าพอใจ
และล่าสุดยังกลายเป็นว่า แนวรบที่ พรรครวมไทยสร้างชาติ อีกหนึ่งพรรคร่วมรัฐบาลเอง กลับถูก เขย่า เมื่อพรรคเพื่อไทย ส่งสัญญาณ ยึดกระทรวง ด้วยการวาง 3 รัฐมนตรี ทั้ง 1ว่าการฯและอีก 2รมช. ไปจน ล้น ที่กระทรวงการคลัง มิหนำซ้ำยัง สร้างปัญหาเรื่องการแบ่งงาน จนทำให้ กฤษฎา จีนะวิจารณะ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ยื่นใบลาออก จากรมช.คลัง เมื่อสัปดาห์ก่อนที่ผ่านมา
เท่ากับว่า เวลานี้ พรรคเพื่อไทย กำลังเป็นฝ่าย เขย่า 2พรรคร่วมรัฐบาล ทั้งเรื่องการหักนโยบายหาเสียงของพรรคภูมิใจไทย ว่าด้วยนโยบายกัญชา และยังส่งคนไป ยึด กระทรวงการคลัง จนคนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องลาออก
อย่างไรก็ดี สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เกิดคำถามตามมาว่า แล้วจากนี้ จะอยู่กันอย่างไร ? เมื่อพรรคเพื่อไทย เล่น หัก เพื่อนร่วมรัฐบาล ดังนั้นโอกาสที่จะได้เห็นการ เอาคืน จาก2พรรคใหญ่ จะเกิดขึ้นหรือไม่
ทั้งนี้ มีการประเมินจากแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า พรรคเพื่อไทย ต้องมั่นใจแล้วว่า ถึงอย่างไร โอกาสที่พรรคร่วมรัฐบาล พรรคใด พรรคหนึ่งที่ไม่พอใจ จะถึงขั้น ถอนตัว จากการร่วมรัฐบาลกับพรคเพื่อไทยนั้น เป็นไปได้ยาก เพราะยังไม่มีใครพร้อมที่จะรับมือกับ ความวุ่นวาย ทางการเมืองตามมา หลังจากที่เพิ่งเป็นรัฐบาลได้ไม่ถึง 1ปีด้วยซ้ำ
แน่นอนว่า พรรคเพื่อไทยเองก็มองออกว่า แม้จะมีความไม่พอใจ แต่จะไม่ ยกระดับ ไปถึงขั้นเกิดเป็น แรงกระเพื่อม และถึงขั้นแตกหักตามมา ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้น จากนี้คือการ ประคองตัว อยู่ร่วมกันต่อไป แสวงหา จุดร่วม ไปพร้อมๆกับ สงวนจุดต่าง ยืดเวลาทำงานในฐานะ ฝ่ายบริหาร กับพรรคเพื่อไทย ต่อไป แต่หลังจากนี้ เมื่อพรรคเพื่อไทย แตะ กัญชาแล้วจะเจอกับ แรงต้าน จากฝ่ายสนับสนุน ทั้งภาคเอกชน ภาคประชาชน ก็ต้องปล่อยให้พรรคเพื่อไทย รับมือไปเอง !