การเดินสาย 4จังหวัด แบบนอนสต็อป ของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี  ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จากนั้นจะไปจบกันที่การประชุมครม.สัญจร ที่จ.เพชรบุรี ในวันที่ 14 พ.ค.67 นี้ ก่อนที่ผู้นำรัฐบาลจะบินไปปฏิบัติภารกิจ 3 ประเทศในต่างประเทศ ยาวนานนับ 10 วัน ระหว่างวันที่ 15-24 พ.ค.นี้ ต้องยอมรับว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจอย่างยิ่ง


 เพราะการเดินสายลงพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี กาญจนบุรี  ราชบุรี และเพชรบุรี ครั้งนี้ คือการรุกเข้าไปในพื้นที่ฐานเสียงของ พรรคร่วมรัฐบาล แทบทั้งสิ้น แม้ นายกฯเศรษฐา จะชี้แจงสื่อถึงข้อสังเกตทางการเมือง ที่ถูกเชื่อมโยงกับการเดินสาย 4จังหวัดรวด ว่า ยึดเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง 


  เอาประชาชนเป็นที่ตั้งก่อน เป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้วที่จะไปทุกภาคส่วน ส่วนตัวแม้จะเป็นนายกฯที่มาจากพรรคเพื่อไทยก็ตาม แต่ก็ลงพื้นที่ที่มีทั้งสส.พรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย โดยต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาลงพื้นที่ภาคใต้ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่หลักการคือ ดูแลพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ( 10 พ.ค.67) 
 การเดินสายลงพื้นที่ ต่อเนื่องของนายกฯเศรษฐา ในความเป็นจริงแล้ว เขาเองได้ดำเนินบทบาทเช่นนี้มาตั้งแต่เมื่อเข้ามานั่งนายกฯคนที่ 30 แล้วควบคู่ไปกับการเดินทางไปเยือน และร่วมประชุมในหลายประเทศ จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นนายกฯที่เดินทางไปต่างประเทศบ่อยที่สุด 


 แต่สำหรับความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในไทย ควบคู่ไปกับการลงพื้นที่ชนิดถี่ยิบ ของนายกฯเศรษฐา  ทั้งการร่วมกิจกรรมกับพรรคเพื่อไทย พรรคต้นสังกัด และการลงพื้นที่ในจังหวัดที่เป็นฐานเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล ที่นั่งทำงานร่วมกันในครม. และถูกจับตาว่า เป็นการ บุก เข้าไปใน แดน ของพรรคการเมืองอื่นนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ การจับขั้วตั้งรัฐบาล ครั้งนี้ คือ รัฐบาลผสม ที่ ข้ามขั้ว กันมาจับมือตั้งรัฐบาล ใช้สูตรพิสดารมาตั้งแต่แรก

 
 ขณะเดียวกัน สำหรับพรรคเพื่อไทยเอง ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาลเอง แม้วันนี้จะยังอยู่ในฐานะ รัฐบาล แต่กลับพบว่า ในแง่ เสถียรภาพ ทางการเมือง ในรัฐบาลยังไม่มีความมั่นใจได้ว่าทุกอย่างจะเหนียวแน่น และไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างใด อย่างหนึ่งตามมาในวันข้างหน้า ซึ่งอาจไม่ต้องรอให้รัฐบาล อยู่ครบเทอม ยาวนานไปถึงปีที่ 4  ยิ่งเมื่อ พรรคเพื่อไทย มี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในฐานะผู้มีอิทธิพลเหนือพรรค เหนือรัฐบาล ยิ่งทำให้พรรคเพื่อไทยมีความสุ่มเสี่ยง ตกที่นั่งลำบาก ได้ทุกเมื่อ
 ดังนั้น การเดินสายลงพื้นที่ ลุยไปในหลายต่อหลายจังหวัด โดยเฉพาะการล้ำเข้าไปในแดนของพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง จึงถูกจับตาได้ทั้งการ กระชับความสัมพันธ์ ไปพร้อมๆกับการ ล้ำแดน พรรคร่วมรัฐบาล อย่างที่เห็น !