เสือตัวที่ 6
ขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐในพื้นที่ชายแดนภาคใต้มีความพยายามอย่างแรงกล้าด้วยความมุ่งมั่นอย่างคงเส้นคงวาในการบรรลุเป้าหมายระดับยุทธศาสตร์ นั่นคืออิสรภาพในการปกครองดูแลกันเองบนวิถีที่กลุ่มแกนนำต้องการและพลังอำนาจในการต่อสู้ของขบวนการร้ายแห่งนี้ที่ยังคงศักยภาพในการต่อสู้กับรัฐอย่างทรงพลังก็เพราะการที่ขบวนการร้ายแห่งนี้ ยังคงสร้างเสริมผู้คนเป้าหมายให้ตกเป็นแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐอย่างต่อเนื่องด้วยความเต็มใจเข้ามาเป็นแนวร่วมการต่อสู้กับรัฐอย่างแน่วแน่ โดยขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐมีกระบวนการสร้างความเห็นต่างจากรัฐในทุกรูปแบบและทุกภาคส่วนที่เป็นไปได้ ที่นอกจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนในชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่ปลายด้ามขวานแห่งนี้ กลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในสถานศึกษาต่างๆ อย่างกว้างขวางในพื้นที่แล้ว ยังมีกลุ่มคนที่กำลังตกเป็นจำเลยและผู้ต้องขังเด็ดขาดในเรือนจำต่างๆ ในพื้นที่ที่หน่วยงานความมั่นคงของรัฐล้วนละเลยผู้คนกลุ่มในเรือนจำเหล่านี้ที่ตกเป็นกลุ่มเป้าหมายของขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐให้เป็นกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เห็นต่างจากรัฐและคนส่วนอื่นของประเทศจนถึงขั้นเกลียดชังรัฐและผ่องถ่ายความเครียดแค้นจากความเห็นต่างเหล่านั้นไปสู่ญาติพี่น้องของตนที่ยังใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ปลายด้ามขวานซึ่งล่อแหลมที่คนกลุ่มนี้จะเป็นแนวร่วมขบวนการร้ายแห่งนี้จนกลายเป็นการเสริมพลังในการต่อสู้กับรัฐอย่างน่ากังวล
สภาพของแนวคิดของผู้ต้องขังคดีความมั่นคงจำนวนมากถึงร้อยละ 95.65 ยังไม่ยอมรับในกระบวนการตัดสินคดีที่ผ่านมา นั่นแสดงให้เห็นว่า ผู้ต้องขังคดีความมั่นคง ดังกล่าว ล้วนไม่ยอมรับในระบบยุติธรรมของรัฐ ซึ่งเกิดจากการไม่เชื่อมั่นต่อเจ้าหน้าที่รัฐและระบบรัฐเป็นพื้นฐาน ประกอบกับกระบวนการดำเนินคดี ตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน มีส่วนหนึ่งซึ่งถูกส่งต่อความคิด ความเชื่อกันมาว่า มีความไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม เหล่านี้/ จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญในการส่งต่อความคิดที่ขัดแย้ง สร้างความแปลกแยกแตกต่างจากรัฐอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ไม่ใช่การถ่ายทอดความคิดแบ่งแยกดินแดนโดยตรง หากแต่การบ่มเพาะแนวคิดแปลกแยกจนเห็นต่างที่ต่อต้านระบบยุติธรรมของรัฐย่อมเป็นการเสริมพลังการต่อสู้กับรัฐได้อย่างทรงพลังและต่อเนื่องแม้กระบวนการในเรือนจำที่มีในปัจจุบัน จะดำเนินการด้วยการเคารพในสิทธิความเชื่อ และวิถีชีวิตตามหลักศาสนาอย่างมากแล้วก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารฮาลาล ที่ประกอบอาหารด้วยผู้ต้องขังชาวมุสลิมเอง หรือการละหมาดตามห้วงเวลาที่กำหนดในหลักศาสนาอิสลาม การปรับห้วงเวลารับทานอาหารของพี่น้องผู้ต้องขังชาวมุสลิมให้เหมาะสมในห้วงถือศีลอด ตลอดจนการถ่ายทอดคำสอนตามหลักศาสนาก็ตาม หากแต่สภาพของความคิดที่ยังเป็นปัญหาคับข้องใจของผู้ต้องขังในคดีความมั่นคงก็คือ การที่พวกเขาต้องมาอยู่ในเรือนจำก็เพราะไม่ได้รับความยุติธรรมจากรัฐ เหล่านี้คือเงื่อนไขสำคัญที่ส่งผลให้ในวันข้างหน้า เมื่อผู้ต้องขังได้พ้นโทษและออกไปจากเรือนจำไปแล้วพวกเขาจะมีความหวาดระแวงการดำเนินการของรัฐอยู่ต่อไป ซึ่งล่อแหลมต่อการตกเป็นเป้าหมายในการขยายแนวร่วมของขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐในรูปแบบต่างๆ ซึ่งอย่างน้อย บุคคลเหล่านี้ก็จะเป็นกลุ่มที่สืบทอดและร่วมขยายแนวคิดการเห็นต่างจากรัฐในรูปแบบต่างๆ ไปได้ นอกจากนั้น ความคิดของการไม่ยอมรับในกระบวนการยุติธรรมเหล่านั้น ได้ถูกถ่ายทอดไปยังกลุ่มผู้ต้องขังรายอื่นๆ โดยเฉพาะผู้ต้องขังในคดีความมั่นคง ด้วยกันในเรือนจำ ตลอดจนญาติพี่น้อง และบุคคลในครอบครัว ที่มาเยี่ยมในเรือนจำ อันจะเป็นการขยายต่อความเห็นต่างจากรัฐให้กว้างขวางออกไป ด้วยไม่เชื่อมั่นในระบบของรัฐตามที่กล่าวอ้าง
นอกจากนั้น ในสภาพของความคิดในปัจจุบันของผู้ต้องขัง ที่สืบเนื่องจากการไม่ยอมรับในกระบวนการพิจารณาคดีที่ผ่านมาข้างต้น ยังส่งผลให้กลุ่มผู้ต้องขังเหล่านั้น มีความคิดที่ขุ่นเคืองรัฐ ด้วยคิดว่ารัฐโดยเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นต้นเหตุที่ทำให้คนในครอบครัวของเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ด้วยความยากลำบาก ด้วยผู้ต้องขังส่วนใหญ่เป็นหลักสำคัญในการหาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งเมื่อคนเหล่านี้ ถูกพิจารณาว่ามีความผิดในคดีความมั่นคงตามที่ถูกกล่าวหา จึงทำให้ถูกจำขังในเรือนจำ อันส่งผลให้คนอันเป็นที่รักของคนเหล่านี้ ต้องลำบากในการใช้ชีวิต ความรู้สึกเหล่านี้ ยิ่งตอกย้ำความคับข้องใจของผู้ต้องขังเหล่านี้ ให้มีความเห็นต่างจากรัฐมากขึ้น และมีแนวโน้มของความคับข้องใจจนเป็นชนวนเหตุของความคิดแปลกแยกแตกต่างจากรัฐมากขึ้น อันเป็นการเสริมพลังสร้างศักยภาพในการต่อสู้กับรัฐอย่างเข้มแข็งต่อเนื่องยาวนานนอกจากนั้น สมาชิกในครอบครัวของผู้ต้องขังที่ยังคงรู้สึกไม่ปลอดภัยในการดำรงชีวิตในท้องถิ่นเดิมของตน ด้วยหวาดระแวงจากการสืบทอดความคิดต่อๆ กัน ว่าอาจถูกเจ้าหน้าที่รัฐเพ่งเล็ง ตรวจสอบพฤติกรรมเป็นพิเศษ จนถึงขั้นคิดไปว่าอาจถูกยัดเยียดข้อหาความมั่นคง หากเกิดเหตุร้ายในพื้นที่ในอนาคตได้ เหล่านี้คือต้นตอของความเห็นต่างจากรัฐที่เกิดจากการบ่มเพาะความเห็นต่างจากรัฐในแง่มุมของการมายอมรับในระบบยุติธรรมของรัฐซึ่งเป็นระบบหลักของรัฐระบบหนึ่งซึ่งแสดงถึงอำนาจอธิปไตยของรัฐชาตินั้นๆ อันเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ล่อแหลมต่อการขยายแนวคิดแปลกแยกจนเห็นต่างจากรัฐขยายตัวสู่การเป็นแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐได้โดยง่าย
กระบวนการถ่ายทอดแนวคิดเพื่อบ่มเพาะความเห็นต่างเพื่อสร้างเสริมแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดนในเรือนจำนั้น แม้ยังไม่มีการดำเนินการบ่มเพาะเพื่อการแบ่งแยกดินแดนหรือการปกครองโดยตรง หากแต่จะเป็นการขยายต่อแนวคิดแปลกแยกแตกต่างจากรัฐ โดยการต่อต้านระบบหลักของรัฐด้วยการยุยงผู้ต้องขังให้รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรมของรัฐ ซึ่งนั่น จะเป็นมูลเหตุสำคัญในการขยายความคิดคับข้องใจ ออกห่างจากรัฐมากขึ้น ทั้งตัวผู้ต้องขังเอง ตลอดจนสมาชิกในครอบครัว และมิตรสหายในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ล่อแหลมต่อการปลุกระดมบ่มเพาะขยายความเห็นต่างจากรัฐในประเด็นอื่นๆ ต่อไปจนกระทั่งเข้าเป็นแนวร่วมกับขบวนการร้ายแห่งนี้เพื่อเข้าร่วมต่อสู้กับรัฐอย่างทรงพลัง