พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา
ความข้างต้นนั้นเป็นสัจธรรมที่แท้ ที่เมื่อวัวควายและช้างเมื่อตายลงแล้ว งาและเขายังเหลืออยู่ ส่วนมนุษย์นั้นเมื่อตายแล้วก็สิ้นไป เหลือไว้แต่ความดี ความชั่ว ใครทำอะไรไว้ย่อมได้รับผลตามนั้น ไม่ว่าจะสร้างภาพให้เป็นไปอย่างไร แต่ก็หนีไม่พ้นกรรมที่ตนเองสร้างไว้
วันนี้จะชวนคิดถึงบุคคลท่านหนึ่ง ที่เป็นตัวอย่างข้าราชการที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนในการปลูกป่ารักษาสิ่งแวดล้อม คือ ร.ต.ต.วิชัย สุริยุทธ เจ้าของฉายา “คนบ้าปลูกต้นไม้” ที่ปลูกต้นไม้ตามพื้นที่ต่างๆในอำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ มากกว่า 3 ล้านต้น ผู้ล่วงลับ
ผู้เขียนเคยเดินทางไปอำเภอปรางค์กู่ สมัยเป็นผู้สื่อข่าวภาคสนามใหม่ๆราวปี 2536 ยังจำได้ดีถึงบรรยากาศความแห้งแล้งของพื้นที่ ภาพจากสองข้างทางจากหน้าต่างรถตู้ระหว่างเดินทางที่มองไปไกลลิบๆ นานๆจะเห็นต้นตาลสักต้นหนึ่ง ซึ่งข้อมูลของอำเภอปรางค์กู่ที่ได้รับรู้ในขณะนั้นคือ เป็นอำเภอที่ยากจนที่สุดในจังหวัดศรีษะเกษ โดยที่ศรีสะเกษในขณะนั้นเป็นจังหวัดที่ยากจนที่สุด
ร.ต.ต.วิชัย หรือ “ดาบวิชัย”ในขณะนั้นเป็นข้าราชการตำรวจธรรมดา ที่เริ่มปลูกต้นไม้ มาตั้งแต่ปี 2531 โดยใช้เวลาก่อนและหลังเลิกงานตระเวนปลูกต้นไม้ในพื่นที่ต่างๆของอำเภอปรางค์กู่ โดยไม่สนใจเสียงวิจารณ์ของสังคม ที่หาว่าเขาเป็น “คนบ้า”
กระทั่งปี 2541 ต้นไม้ที่เขาปลูกเริ่มเห็นผลเมื่อต้นไม้ที่เขาปลูกสามารถนำรายได้มาสูงชุมชน สร้างอาชีพให้กับชาวบ้าน ทั้งต้นยางนา ต้นตาล ต้นคูน รวมทั้งรณรงค์ให้เปลี่ยนการทำนาปีเป็นไร่นาสวนผสม
ฟ้ามีตา ผลจากการอุทิศตนของเขา ในปี 2548 “ดาบวิชัย” ได้รับพระราชทานยศเป็นกรณีพิเศษ เป็น “ร้อยตำรวจตรี” ก่อนเกษียณอายุราชการในปี 2549
เรื่องราวของ “ดาบวิชัย” คนบ้าปลูกต้นไม้ ที่ไม่เพียงสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชน เขายังสร้างปอดให้กับชาวบ้านในพื้นที่ด้วย เรื่องนี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คิดเห็นอย่างไร ในการที่จะช่วยกันสร้าง “ดาบวิชัย” ให้เกิดขึ้นในหลายๆหน่วยงาน หลายองค์กร อย่างยังยืนและเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม