จะเดินหน้า ก็ใช่ว่า ราบรื่น เหมือนหนทางโรยไปด้วยกุหลาบ ครั้งจะถอยหลัง ก็คงไม่มีทาง เพราะกว่าที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะมาถึงวันนี้ ได้ เขาเองต้องแลกกับการไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศนานถึง 17ปี !
แต่เมื่อ ทุกความเป็นไปของ รัฐบาลที่มี พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคแกนนำหลัก ล้วนผูกโยงเอาที่ตัวทักษิณ เป็นสำคัญ จึงเท่ากับว่า เป็นทั้ง จุดอ่อน และ จุดแข็ง ไปโดยปริยาย
ตลอด 7เดือนที่ผ่านมา เศรษฐา ทวีสิน ทำหน้าที่ นายกฯคนที่ 30 ในท่ามกลางแรงกดดันรอบด้าน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะไม่เพียงแต่รัฐบาล จะเข้าไปเกี่ยวพันการ ป่วยทิพย์ จนมาสู่ การพักโทษ ของทักษิณ ย่อมทำให้นายกฯไปจนถึงรัฐมนตรีทุกคนที่เกี่ยวข้องในกระบวนการ ถูกตั้งคำถาม จากสังคม และล่าสุดยังกลายเป็นว่า ยิ่งถึงวันใกล้ 250สว. จะหมดวาระลงในวันที่ 11 พ.ค.67 นี้ สัญญาณการกระชับพื้นที่ ทางอำนาจจาก รัฐบาลเพื่อไทย และทักษิณ กำลังปรากฎชัดมากขึ้น
ล่าสุด นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี เตรียมยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องกับ การป่วยทิพย์ของอดีตนายกฯทักษิณ
แน่นอนว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้รับผิดชอบหลัก ออกมาสวนกลับว่า ไม่ได้วิตกกังวลอะไร เพราะทุกอย่างดำเนินไปตามกรอบกฎหมาย และยังแนะนำให้ นพ.วรงค์ ยื่นเรื่องให้ป.ป.ช.ตรวจสอบไปยังรัฐบาลชุดที่แล้ว ดีกว่าเพราะกระบวนการขั้นตอนต่างๆ ที่เป็นจุดเริ่มนั้นก็ทำกันเมื่อรัฐบาลชุดก่อนหน้านี้
แต่อย่าลืมว่าการขยับ ของนพ.วรงค์มีโอกาสที่จะกลายเป็น จุดเริ่มต้น สำหรับความยุ่งยาก ให้กับรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ ตามมาตั้งแต่นายกฯ ไปจนถึงกระทรวงยุติธรรม เองในฐานะผู้รับผิดชอบ นักโทษ โดยตรง และจุดเริ่มต้นนี้ นี่เองที่จะตามมาด้วย โอกาสที่จะพัฒนาไปสู่ การเปิดเกมใหม่ ภาคต่อของการต่อสู้ระหว่าง ขั้วอำนาจเก่า กับขั้วทักษิณ
ยังไม่นับรวมกรณีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกสร ทนายความอิสระ เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ตรวจสอบเรื่องร้องเรียน หรือผู้แทน เพื่อขอให้พิจารณาเสนอเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย กรณีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มาตรา40, 41 และ มาตรา42 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา107 หรือไม่
เมื่อมีการยื่นคำร้อง เพื่อให้มีการวินิจฉัย อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการเลือกสว.ชุดใหม่ ตามมา แม้ ประธานกกต. อย่าง อิทธิพร บุญประคอง จะยืนยันแล้วว่าทุกอย่างเดินหน้าต่อไป จะไม่กระทบต่อการเลือกสว. ก็ตาม
แต่อย่าลืมว่าผู้ที่จะวินิจฉัยคือศาลรัฐธรรมนูญ อันเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญที่ ขั้วอำนาจทักษิณ หวั่นไหวที่สุดมาแล้ว ดังนั้น หากมองสถานการณ์ทางการเมืองรอบด้านเวลานี้ แม้จะดูว่าหลายสิ่งหลายอย่างสงบ และกลับมีความเคลื่อนไหวและคล้ายกับว่ากำลังก่อตัวขึ้นเป็น สงครามใหม่ !