ญัตติซักฟอกรัฐบาล ตามมาตรา 152 ที่ “ฝ่ายค้าน”  ใช้เป็นเครื่องมือตรวจสอบรัฐบาล เปิดฉากเป็นวันแรก เมื่อวันที่ 3 เม.ย.67 ด้วยความดุเดือด ทั้ง “ชัยธวัช ตุลาธน” ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ในสภาฯ และ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ร่ายยาวชำแหละรัฐบาล


  ทั้งการพุ่งเป้าไปที่ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี อย่างเป็นทางการ  คู่ขนานไปกับการพาดพิงไปยัง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ แต่กลับมีอิทธิพลต่อ “พรรคเพื่อไทย” และรัฐมนตรีของพรรค อย่างปฏิเสธไม่ได้


 แต่ในวันเดียวกัน ขณะที่เกมในสภาฯ กำลังดำเนินไปนั้น คดียุบพรรคได้ตามมาหลอน “พรรคก้าวไกล” เช่นกัน !


 เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ “รับคำร้อง”จาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นยุบพรรคก้าวไกล จากกรณีเสนอให้มีการแก้ไข มาตรา 112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง โดยศาลรัฐธรรมนูญ ให้พรรคก้าวไกลยื่นคำชี้แจงข้อกล่าวหา ภายใน 15วัน


 แน่นอนว่าสำหรับพรรคก้าวไกล นั้นแม้จะมีการแสดงความมั่นใจมาโดยตลอดว่า  “เตรียมพร้อม” ที่รับ “ทุกสถานการณ์”  ดังนั้นจึงได้เตรียมเอาไว้ทุกทาง ไม่ว่า “ผล” จะออกมาหน้าไหนก็ตาม  โดยจากนี้ “ชัยธวัช ตุลาธน” สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะให้ฝ่ายกฎหมายของพรรค รวมถึงแกนนำพรรคที่เกี่ยวข้องเตรียมตัวและ จะต้องทำเอกสารให้ดีที่สุด 


 และจากการประเมิน ชัยธวัช คาดว่า การยื่นคำชี้แจงภายใน 15วันน่าจะไปตกช่วงหลังสงกรานต์ นอกจากนี้  พรรคจะถือโอกาส “แถลงต่อสู้คดี” ต่อสาธารณะควบคู่ไปด้วย ดังนั้นหมายความว่า พรรคก้าวไกล จะไม่ใช่แค่ยื่นต่อสู้ในศาลรัฐธรรมนูญ เพียงอย่างเดียว


 ระยะเวลาจากนี้ไป ระหว่างทางของการสู้คดีของพรรคก้าวไกล ไปจนถึงวันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย อย่างใด อย่างหนึ่งออกมา ย่อมไม่ได้หมายความว่า “ความหวั่นไหว”  และ “ความตื่นตระหนก” จะไม่เกิดขึ้นภายในพรรค เพราะไม่มีใครบอกได้ว่า “ผลลัพธ์” จะออกมาในทางที่เป็น “คุณ” ต่อสมาชิกพรรคก้าวไกล ได้หน้าเดียว
 อย่าลืมว่า คดีล้มล้างการปกครองนั้น ศาลรัฐธรรมนูญ ก็เคยมีคำวินิจฉัยไปก่อนหน้านี้มาแล้ว ดังนั้นจากนี้ไปอีก 15วัน สภาวะ “แพแตก” ก่อน “พรรค” ถูกยุบ น่าจะมีให้ได้เห็น !