ภารกิจสำคัญสำหรับ พรรคเพื่อไทย ดูเหมือนว่าจะไม่ได้อยู่ที่การวางตัว ทีมองครักษ์ เพื่อพิทักษ์ สร.1 แต่กลับไปสาละวนและให้น้ำหนักกับการจัดชุดเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อป้องกัน นายใหญ่ ที่อยู่นอกสภาฯ เสียมากกว่า !


 ระหว่างที่ 3-4 เม.ย.67 นี้พรรคฝ่ายค้าน ล็อกปฏิทินการเมืองเอาไว้ที่การใช้เวทีสภาฯเพื่อซักฟอกรัฐบาล เศรษฐา 1 ในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 คือการเปิดอภิปราย แต่ไม่มีการโหวตลงมติให้ หัวขบวน อย่าง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ไปจนถึง รัฐมนตรี ที่ถูกยื่นญัตติ ต้องหวั่นไหว ลุ้นผลคะแนนว่าตัวเองจะไปหรือได้อยู่ต่อ


 หากได้ประเมินจากการที่วุฒิสภา เพิ่งเปิดเวทีซักฟอกรัฐบาล ตามมาตรา 153 ก่อนหน้านี้ ต้องถือ ว่า สร.1 คือ นายกฯเศรษฐา พอที่จะเอาตัวรอดได้ไม่ยากนัก เพราะชี้แจง โต้กับสว. กันกลางสภาฯมาแล้วให้ได้เห็น 


 ทว่าปัญหาใหญ่ที่น่าหนัก กลับไปอยู่ที่โจทย์ใหญ่ที่ว่าจะปกป้อง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้ที่มีอิทธิพล ต่อพรรคเพื่อไทย ตลอดจนนายกฯและรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย กันอย่างไร เมื่อทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคประชาธิปัตย์ประกาศ ล็อกเป้าถล่ม 


 เรื่องนี้ ต้องยอมรับว่า ร้อนทั้งพรรค และยังอาจลามไปถึง อุ๊งอิ๊งแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บุตรสาวทักษิณ โดยทั้งที่คู่ต่างอยู่นอกสภาฯ ไม่มีโอกาสเข้ามาชี้แจง ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็น ภาระ และ ภารกิจ ที่สส.เพื่อไทย ตลอดจน รัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จนมาถึงการพักโทษ ของทักษิณ แต่กลับมีบทบาท และการเคลื่อนไหวทางการเมืองไม่หยุดหย่อน 


  ไม่ห่วงอะไร เพราะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร และตอบได้อยู่แล้ว ซึ่งได้ให้ข้อมูลที่จำเป็นกับ ส.ส.ไว้อยู่แล้ว แพทองธาร บอกกับสื่อตอนหนึ่งของการให้สัมภาษณ์ 
 เมื่อเป้าถล่มต่างพุ่งมาที่พรรคเพื่อไทย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่เชื่อมโยงกับทักษิณ จึงดูเหมือนว่า พรรคร่วมรัฐบาล อื่น ๆ จึงอยู่ในภาวะเตรียมความพร้อมเอาไว้เท่านั้น และในกรณีของทักษิณ ซึ่งเป็นเหมือน เผือกร้อน จะให้พรรคร่วมรัฐบาล พรรคอื่น ยื่นมือ เข้ามาช่วยพิทักษ์ ด้วยอีกแรง ดูจะเป็นเรื่องยาก !