จะเรียกว่า เป็นการแย่งทุกซีนการเมือง ก็คงไม่แปลกเท่าใดนัก เมื่อระดับ “เจ้าของพรรค” อย่าง “ ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23วางโปรแกรมเข้าไปพบสมาชิกพรรคเพื่อไทย ด้วยตัวเอง ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ในวันนี้
การเคลื่อนไหวของทักษิณ อาจทำให้ใครหลายคน แทบหลงลืมไปว่า วันนี้สถานะของเขาคือนักโทษที่อยู่ในระหว่างการพักโทษ แม้ที่ผ่านมา ก็แทบไม่มีใครเชื่อว่าทักษิณ นั้นเคยเหยียบย่างเข้าไปในคุกเลยหรือไม่ก็ตาม
การเข้าพบกับสส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ของทักษิณ ครั้งนี้กำลังสร้างบรรทัดฐานใหม่ทางการเมืองว่า เขาเองนั้นทำได้แทบทุกประการ แต่ในเวลาเดียวกันก็ต้องยอมรับว่า ในสถานการณ์ที่พรรคเพื่อไทยแม้จะอยู่ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล และได้เก้าอี้นายกฯ คนที่ 30 เอาไว้ในมือ แต่ในช่วง6-7 เดือนที่ผ่านมา พรรคยังคงเผชิญหน้ากับแรงกดดันทางการเมืองรอบทิศ
และเมื่อทักษิณ เลือกมาปรากฏตัวที่พรรคเพื่อไทย แม้จะอยู่ในระหว่างการพักโทษ “จำคุกนอกเรือนจำ” เช่นนี้ ต้องยอมรับว่า สิ่งที่ตามมาคือ “กระแส” ทั้ง “บวก” และ “ลบ” ที่จะเทมายังพรรคเพื่อไทย กระทบไปถึง “เศรษฐา ทวีสิน” นายกฯอย่างเป็นทางการ โดยปริยาย
แต่เมื่อความจำเป็นทางการเมือง กลายเป็น “เงื่อนไขสำคัญ” ที่ทำให้ ทักษิณ ไม่สามารถอดรนทนอยู่นิ่งๆที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ได้ตามปกติ ยิ่งเมื่อการเลือกตั้งสนามใหญ่คือสนามอบจ. คืองานใหญ่ที่พรรคเพื่อไทย ต้องเตรียมการ ทั้งการเฟ้นหาตัวผู้สมัครมาสู้กับพรรคคู่แข่ง ซึ่งแน่นอนว่า งานนี้ไม่ใช่เฉพาะกับพรรคก้าวไกล
สิ่งที่น่าสังเกตต่อการเคลื่อนไหว อย่างเปิดเผยของทักษิณ โดยไม่สนใจว่าจะกระทบต่อ “อำนาจ”และความเชื่อมั่นของนายกฯเศรษฐา หรือไม่นั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ทุกคนในพรรคเพื่อไทย ต่างรู้ดีว่า อำนาจการตัดสินใจเบ็ดเสร็จ นั้นอยู่ที่ทักษิณ เพียงคนเดียว
ดังนั้น การเดินหน้าในลักษณะ “คู่ขนาน” ทั้ง ทักษิณ และนายกฯเศรษฐา ขับเคลื่อนทั้งครม.ไปพร้อมๆกับการปลุกพรรคเพื่อไทย ให้ฟื้นกลับมาโดยเร็วที่สุด ในห้วงเวลาอันกระชั้นชิด เท่าที่ “ดีลลับ” ยังไม่หมดอายุ !