ร้อยเอก ดร.จารุพล เรืองสุวรรณ

อาจารย์ประจำสถาบันการทูตและการต่างประเทศ

มหาวิทยาลัยรังสิต

กลายเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลกเมื่อสภาสหรัฐผ่านร่าง “กฎหมายปกป้องชาวอเมริกันจากแอปพลิเคชันที่ควบคุมโดยปรปักษ์ต่างชาติ” หรือ Protection Americans from Foreign Adversary Controlled Applications Act จนกลายเป็นกระแสถึงการแบนแอปพลิเคชั่นที่โด่งดังระดับโลกอย่าง Tiktok เรื่องนี้มีนัยที่สำคัญอย่างไร สัปดาห์นี้จะชำแหล่ะให้ได้อ่านกันครับ

TikTok เป็นหนึ่งในแอปพลิเคชั่นที่ทรงพลังอย่างมากในยุคปัจจุบัน เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้หลายร้อยล้านคนทั่วโลก บ้างใช้เพื่อเสพคอนเทนท์ต่างๆ สร้างคอนเทนท์เพื่อสร้างชื่อเสียง ไปจนถึงค้าขายสร้างรายได้กันอย่างมหาศาล แต่อย่างไรก็ดี สหรัฐอเมริกาผู้ขึ้นชื่อว่าให้ความสำคัญกับความมั่นคงเหนือสิ่งอื่นใด ก็ยังมิวายมองว่าเป็นหนึ่งในภัยคุกคามในปัจจุบัน โดยเฉพาะในด้านข้อมูลข่าวสาร การล้วงความลับของพลเมืองสหรัฐ ตลอดจนข่าวปลอดและการบิดเบือนต่างๆ จนทำให้เกิดเป็นความต้องการที่จะ “แบน” แอปพลิเคชั่นดังกล่าวด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง

แน่นอนว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นร้อนแรงอย่างไม่ต้องสงสัย เนื่องด้วยข้อกล่าวหาของสหรัฐฯที่มีต่อ TikTok คือการที่มีรัฐบาลจีนอยู่เบื้องหลัง

งานนี้ประเด็นสำคัญจึงถูกจับจ้องไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองยักษ์ใหญ่ ที่แลดูแล้วนับวันจะยิ่งทวีความบาดหมางมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งประเด็นในทะเลจีนใต้ที่ยังคาราคาซัง จนมาถึงประเด็นเรื่องการแบน TikTok ที่เพิ่งเกิดขึ้น

ฝ่ายจีนก็ไม่รอช้าออกมาตอบโต้ทันควัน โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศออกมาแสดงท่าทีปกป้องอย่างออกหน้าออกตา ซึ่งนักวิเคราะห์ต่างๆก็มองว่า หากไม่มีนัยใดก็คงไม่แสดงท่าทีเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าการแข่งขันกันทางเทคโนโลยี ข้อมูลข่าวสาร แยกไม่ขาดกับการเมืองและการต่างประเทศ และนำไปสู่การแสดงออกทางการต่างประเทศที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ดี เป็นที่ทราบกันดีว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ในจีน ก็จำเป็นต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากรัฐอยู่เสมอ เนื่องด้วยระบบระเบียบในจีนก็ไม่ได้เปิดเสรีอย่างแท้จริงเหมือนที่หลายๆคนคิดกัน บริษัทเหล่านี้จึงถูกมองว่ามีรัฐบาลจีนอยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรปักษ์อย่างสหรัฐฯที่กังวลในเรื่องความมั่นคงทางไซเบอร์อย่างมากในปัจจุบัน

ซึ่งแท้จริงแล้วการแข่งขันกันทางเทคโนโลยี โดยการใช้โซเชียลแพลทฟอร์ม รวมไปถึงการล้วงข้อมูลความลับต่างๆนานา ล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยตลอดในโลกยุคไซเบอร์ในปัจจุบัน และก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งเช่นกันที่จีนเองก็ไม่วางใจในแพลตฟอร์มต่างๆของสหรัฐฯ เช่น เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ และอื่นๆ ทำให้ไม่สามารถใช้งานแพลตฟอร์มเหล่านี้ในอาณาเขตของจีน

ในฟากฝั่งของสหรัฐฯก็เป็นที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะเริ่มมีผู้คนออกมาประท้วงและต่อต้านทีท่าในการแบน TikTok ในครั้งนี้ ถึงขั้นเกิดแฮชต์แท็ก #KeepTikTok ขึ้น ด้วยคนอเมริกันจำนวนมากก็ได้รับประโยชน์จากแอปพลิเคชั่นนี้ หลายคนถึงกับมีชื่อเสียงและตั้งเนื้อตั้งตัวได้ จนกลายเป็นคำถามว่า หรือ TikTok จะจูงใจคนอเมริกันได้สำเร็จแล้ว? ถึงขึ้นทำให้พลเมืองอเมริกันลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลของตัวเองเช่นนี้

ประเด็นดังกล่าว ยังได้ลุกลามไปจนถึงการตั้งคำถามเรื่องสิทธิเสรีภาพ โดยเฉพาะเสรีภาพด้านการแสดงออก หรือ Freedom of Speech จนกลายเป็นอีกประเด็นดราม่า เพราะการแบน TikTok ก็ไม่ต่างจากการตีกรอบชีวิตของคนอเมริกันว่าห้ามทำสิ่งนี้ และแน่นอนว่าเป็นการขัดกับหลักการสำคัญที่สหรัฐยึดมั่นและยึดถือเป็นหลักการ

จะเห็นได้ว่า โลกในยุคปัจจุบันนั้นมีความซับซ้อนมากกว่าในอดีต การตีกรอบเพื่อเหตุผลทางความมั่นคงทำได้ยากขึ้น เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้ชัดเจนชนิดที่เรียกว่า ชี้ได้ชัดๆ ว่านี่แหละคือปัญหาความมั่นคงที่สำคัญถึงขั้นว่าต้องเสียสละสิทธิเสรีภาพบางอย่าง จนอาจไม่เข้าข่ายความ “จำเป็น” ต้อง “จำกัดสิทธิเสรีภาพ” เพื่อ “ความมั่นคง” แน่นอนว่าโจทย์นี้ไม่ใช่แค่สหรัฐเท่านั้นที่ต้องอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่รัฐบาลทั่วโลกก็คงต้องเผชิญกับปัญหาเช่นเดียวกัน

การสร้างสมดุลระหว่าง “เสรีภาพ” และ “กรอบ” อาจจะกลายเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารและนโยบายสาธารณะในโลกยุคใหม่ ที่แน่นอนว่าจะกลายเป็น “การบ้าน” ของเหล่าผู้มีอำนาจตัดสินใจ และนักวิชาการทั่วโลก ที่ต้องเร่งหาจุดสมดุลดังกล่าวให้เจอ เพื่อให้สังคมมีพร้อมทั้งเสรีภาพ ความสุข และความปลอดภัยจากภัยคุกคาม

เหรียญมีสองด้านเสมอ ทั้งเสรีภาพและการตีกรอบ สิ่งใดมากไปก็อาจต้องเสียอีกสิ่งหนึ่ง เป็นธรรมดาของกฎธรรมชาติ อย่างที่เพลงดังบอกไว้ว่า “ได้อย่าง ก็ต้องเสียอย่าง” ก็คงต้องหาหนทางสร้างสมดุลกันต่อไป

ส่วนเรื่องแบน TikTok จะเป็นอย่างไรต่อ ก็คงต้องเฝ้าดูกันต่อไป ไม่แน่ว่าสถานการณ์อาจเปลี่ยนไปเมื่อเข้าสู่ช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้เสนอตัวลงเลือกตั้ง ต่างไม่สามารถละทิ้งคะแนนเสียงของคนรุ่นใหม่...ที่ชอบใช้ TikTok

เอวัง