เมื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เข้าพบ “ทักษิณ ชินวัตร”  อดีตนายกฯคนที่ 23  ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อวันที่ 24 ก.พ.67 ที่ผ่านมา  ได้กลายเป็น “จุดโฟกัส” ซีนใหม่ทางการเมือง ที่กำลังตอกย้ำว่า “ระบอบทักษิณ” จะกลับมาอีกหรือไม่ ?  


 ผลการสำรวจของ “นิด้าโพล” ล่าสุด สะท้อนว่า ประชาชน ถึงร้อยละ 50.38 เชื่อว่า หลังจากที่อดีตนายกฯทักษิณ พักโทษ เขาจะมีบทบาทในการให้คำปรึกษากับพรรคเพื่อไทย  ได้ชี้เห็นว่า ผู้คนในสังคม ย่อมอ่านได้ออกถึง ความสำคัญของ ทักษิณ ต่อการเมืองไทย ที่มี “พรรคเพื่อไทย” เป็นแกนนำรัฐบาล 


 และแม้ผลการสำรวจจะไม่ได้ชี้ว่า คำแนะนำของ ทักษิณ จะมีผลต่อการบริหารงาน ของ “นายกฯเศรษฐา” ด้วยหรือไม่ก็ตาม แต่ผู้คนในวงการเมือง ย่อมรู้ดีว่าทักษิณ คือเจ้าของพรรคเพื่อไทย และเป็นผู้กำหนดเกมการเล่นในปีกของรัฐบาลฝั่งเพื่อไทย ไปจนถึง ตัวนายกฯเศรษฐา  เพราะเศรษฐา คือ1ใน3แคนดิเดตนายกฯที่ทักษิณ เลือกมาตั้งแต่แรก 
 การที่นายกฯเศรษฐา ไปปรากฏตัวที่บ้านจันทร์ส่องหล้านั้น ย่อมไม่ใช่ประเด็นที่จะนำไปสู่ปัญหา หรือข้อติติงสำหรับคนในพรรคเพื่อไทย แต่สำหรับ “คนนอก” กลับมองแตกต่างออกไป !!


 “เทพไท เสนพงศ์”  อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความตั้งข้อสังเกตว่า แม้นายกฯเศรษฐา จะออกมาปฏิเสธว่าการพบกันนั้นไม่มีการพูดคุยเรื่องการเมืองก็ตาม แต่คนฟังจะเชื่อหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง  แต่สิ่งที่อยากส่งเสียงเตือนว่า ให้ระวังระบอบทักษิณ คืนชีพ เพราะเริ่มมี “กลิ่น”โชยออกมา 


 และถ้าหากระบอบทักษิณคืนชีพ ระวังประวัติศาสตร์ซ้ำรอย นั่นคือ ทุจริตเชิงนโยบายและผลประโยชน์ทับซ้อน ,การแทรกแซงองค์กรอิสระ ,เกิดความแตกแยกเกิดขึ้นของคนชาติ และ การจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ล้วนแล้วแต่เคยเป็นสาเหตุของการเกิดรัฐประหาร มาแล้วเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 !


 เสียงเตือนจากเทพไท อาจเป็นเรื่องเลื่อนลอย และมีอคติ สำหรับกองเชียร์ ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย แต่อย่าลืมว่า  ระบอบทักษิณ จะฟื้นคืนชีพมาได้โดยง่ายดาย อย่างนั้นหรือ  เพราะทักษิณ ยังมี “ด่าน” ที่ยังต้องฝ่าด้วยกันอีกหลายทาง โดยเฉพาะคดี ม.112 ซึ่งอัยการสูงสุดนัดฟังคำสั่ง ในวันที่ 10 เม.ย. เท่ากับว่าในอีกราวสองเดือนข้างหน้านี้ อดีตนายกฯทักษิณ จะสามารถขยับหรือเคลื่อนไหว ชนิดเปิดหน้า ปลุกคนเสื้อแดงได้โดยง่าย !