ปัญหาอาชญากรรมของเด็กและเยาวชนนั้น เป็นปัญหาที่มีการถกเถียงกันอย่างมาก หลังจากช่วงที่ผ่านมา เด็กและเยาวชนก่ออาชญากรรมสะเทือนขวัญที่รุนแรงขึ้น ในขณะที่ปัญหาเดิมๆนั้นก็ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่หมดไป
นอกจากมีการพูดถึงการแก้ไขกฎหมาย ซึ่งนั่นอาจเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ สำหรับแนวทางการป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้น ที่อาจต้องอาศัยทุกภาคส่วนของสังคม ช่วยกันดูแลเด็กและเยาวชน
หลังเหตุการณ์เด็กชายวัย 14 ปี ก่อเหตุยิงบุคคลในบริเวณศูนย์การค้า และเหตุกลุ่มเยาวชนรุมทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตายในพื้นที่ สภ.อรัญประเทศ ล่าสุดสำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดเผยผลการศึกษาพิจารณาอายุการกระทำความผิดของเด็กและเยาวชนในห้วงปี พ.ศ.2559 – 2566 พบว่า นับแต่ พ.ศ.2565 เป็นต้นมา เริ่มพบว่าผู้ก่อเหตุอยู่ในห้วงอายุ 10 - 18 ปี มีแนวโน้มสูงขึ้น คดีที่ก่อเหตุสูงสุด ได้แก่ ฆ่าผู้อื่น ปล้นทรัพย์ และชิงทรัพย์
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าแนวโน้มการกระทำความผิดของเด็กและเยาวชนในคดีอุกฉกรรจ์ ชีวิตหรือร่างกาย ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ มีแนวโน้มสูงขึ้น และเกณฑ์อายุของผู้กระทำความผิดผู้อายุน้อยลง แม้ข้อมูลทางการวิจัยกระบวนการยุติธรรมทางอาญาสำหรับเด็กและเยาวชนยึดหลัก มุ่งคุ้มครองเด็กและเยาวชน เน้นการสงเคราะห์ บำบัดฟื้นฟู แก้ไข เยียวยา เพื่อคำนึงถึงอนาคตของเด็กและเยาวชน แต่อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาการกำหนดโทษ สามารถกำหนดมาตรการที่เหมาะสมกับพฤติการณ์ได้ เช่น ความผิดร้ายแรง การกระทำความผิดซ้ำ จึงอาจกำหนดโทษจำคุก เพื่อให้หลาบจำได้สำหรับเด็กและเยาวชนในบางกรณีได้
โดยแนวทางการดำเนินการของต่างประเทศ เช่น ประเทศฝรั่งเศสและอังกฤษ กำหนดอายุเด็กไม่เกิน 10 ปี ไม่ต้องรับโทษ ซึ่งเกณฑ์อายุน้อยกว่าประเทศไทยที่กำหนดอายุไม่เกิน 12 ปี ส่วนในประเทศเยอรมนี แคนนาดา ฝรั่งเศส จะพิจารณาเกณฑ์อายุและประเภทความผิดร้ายแรงประกอบกัน เพื่อกำหนดโทษจำคุกสำหรับเด็กและเยาวชนได้เช่นเดียวกับผู้ใหญ่ ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะทั่วไปสหประชาชาติ (ฉบับที่ 10) ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กที่กำหนด “เกณฑ์อายุขั้นต่ำที่บุคคลจะมีความรับผิดอาญาไม่ควรต่ำกว่า 12 ปีและบุคคลอายุ 18 เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ”
ซึ่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เห็นคล้องตรงกันว่า สังคมไทยควรจะพิจารณากำหนดเกณฑ์อายุของเด็กหรือเยาวชน ขึ้นใหม่ เพื่อสอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน สามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาจเสนอการแก้ไขกฎหมาย ป.อาญา มาตรา 74 จากเดิมกำหนดเด็กอายุกว่า 10 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปี กระทำผิดไม่ต้องรับโทษ เป็น เด็กอายุกว่า 10 ปี แต่ไม่เกิน 14 ปี แทน
รวมทั้งพิจารณาบังคับใช้ตามมาตรา 97 วรรคสองฯ แห่ง พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวฯ พ.ศ.2553 มาใช้ในการดำเนินการให้มากขึ้น ซึ่งกำหนดไว้ใจความว่า คดีอาญาที่อยู่ในอำนาจศาลเยาวชนและครอบครัว ถ้าศาลพิจารณาโดยคำนึงถึงสภาพร่างกาย สภาพจิต สติปัญญา และนิสัยแล้ว เห็นว่าในขณะกระทำความผิด หรือในระหว่างการพิจารณา เด็กและเยาวชนที่ต้องหาว่ากระทำความผิดมีสภาพเช่นเดียวกับบุคคลที่มีอายุตั้งแต่สิบแปดปีบริบูรณ์ขึ้นไป ให้ศาลมีอำนาจสั่งโอนคดีไปพิจารณาในศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีธรรมดาได้
หากแต่น่าห่วงก็คือ แม้ในวัยผู้ใหญ่ บางกลุ่มบางคนที่แม้จะหัวหงอกแล้ว แต่ก็ยังมีความขบถต่อกติกา โดยที่พวกเขาไม่ได้มองปัญหาไปไกลกว่าม่านตาของตัวเอง เพียงเพื่อสนองตอบความต้องการปัจเจกบุคคล โดยหาบริบทต่างๆมาอธิบายเหตุผลรองรับ โดยมีคำนึงถึงว่าพวกเขากำลังสร้างสังคมที่อันตรายไว้ให้กับคนรุ่นหลัง