ทีมข่าวคิดลึก เสียงสะกิดเตือนจากฝ่ายสนับสนุน "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ยังดังอยู่เป็นระยะ เพื่อให้ระวัง "ขบวนการปั่นราคาข้าว" ให้ตกต่ำ เพื่อเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย"ดิสเครดิต" ทั้งรัฐบาล และ คสช.โดยใช้กลยุทธ์ "ดาบนั้นคืนสนอง"ขณะเดียวกันยังต้องไม่ลืมว่าสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังเผชิญหน้าอยู่ในเวลานี้ย่อมไม่ใช่การเดินหน้าติดตามให้ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกฯ ต้องชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาทเท่านั้นหากแต่ยังมีปัญหาอีกมากมายในฐานะรัฐบาล ที่ต้องบริหารจัดการให้ทุกอย่างคลี่ คลายลงได้ ทั้งปัญหาราคาข้าวที่ตกต่ำซ้ำลงมากับปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัวก่อนหน้านี้ ล่าสุดยังน่าสนใจว่าในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นั่นคือการเร่งดำเนินการเอาผิดต่อการเผยแพร่ภาพ-โพสต์ข้อความเข้าข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูง และกระทบต่อความมั่นคงจากรัฐบาลอย่างเห็นได้ชัด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา "บิ๊กจิน"พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ได้ใช้เวลาในการหารือกับคณะผู้บริหารแอพพลิเคชั่นไลน์ประเทศไทยและผู้เกี่ยวข้อง ถึงการดำเนินการและเข้มงวดกับผู้ที่โพสต์ข้อความหมิ่นสถาบัน และกระทบต่อความมั่นคง โดยผล ออกมาค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากผู้บริหารของไลน์รับปากว่าจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ในความเป็นจริงแล้วพฤติกรรมการกระทำหมิ่นสถาบันนั้นเกิดขึ้นมานานหลายปี ในหลายยุคหลายรัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่ง ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า ยังไม่เคยมีรัฐบาลยุคใดที่จะเอาจริงและเด็ดขาดกับปัญหาที่เกิดขึ้น ขณะที่ขบวนการหมิ่นสถาบันได้ขยายไปอย่างรวดเร็ว จนเกิดเป็นความขัดแย้งระหว่างกลุ่มบุคคลที่รักสถาบันกับฝ่ายที่จาบจ้วงเบื้องสูง หลายครั้งหลายครา เช่นเดียวกับการที่มีกลุ่มไทยที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ ได้พากันเคลื่อนไหวในเชิงต่อต้านบุคคล ที่กระทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา112 ซึ่งหนีไปอยู่ในหลายประเทศรวมทั้งการเปิดเพจพิทักษ์สถาบัน กันขึ้นมาเองโดยไม่รอให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการ เพราะดูจะ เป็นการล่าช้ากับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น การกระชับวงล้อมของขบวนการหมิ่นสถาบันของ คสช. ที่ดูเหมือนว่าจะเดินหน้าไปอย่างเข้มงวดในห้วงเวลานี้นั้น เนื่องจากเครือข่ายหมิ่นสถาบันนั้นมี "ตัวจักร" ที่เชื่อมโยงกับ "ฝ่ายการเมือง" บางกลุ่มที่แสดงพฤติการณ์อย่างชัดเจนมาก่อนหน้านี้ ตั้งแต่เมื่อครั้งที่มีการชุมนุมทางการเมืองที่เกิดเหตุการณ์เผาเมืองเป็น ต้นมา และแม้ว่าวันนี้จะมีบุคคลบางฝ่ายที่เคยเป็นแกนนำที่ร่วมกันเผาเมือง ในปี 2553 ออกมาแสดงถึงความจงรักภักดี แต่ดูเหมือนว่าจะแทบเป็นไปได้ยากที่ฝ่ายเทิดทูนสถาบันจะเชื่อว่าคนเหล่านั้นเปลี่ยนความคิดที่มีต่อสถาบันได้อย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีการตีความและตั้งข้อสังเกตว่า ท่าทีของแกนนำคนเสื้อแดงที่ผิดแผกแตกต่างไปจากเมื่อวันวานเช่นนี้ จะมีความสัมพันธ์มีความเชื่อมโยงกับการกำหนดการต่อสู้ทางการเมืองของฝ่ายต่อต้าน คสช. และหมิ่นสถาบันหรือไม่ ? ดังนั้นเมื่อมีการวางเกมการเล่นล็อกขบวนการหมิ่นสถาบันทั้งในและนอกประเทศของ คสช. และรัฐบาลด้วยกลไกทั้งในทางเปิดเผยและทางลับ จึงเหมือนเป็นการสกัดการเปิดหน้ารุกของกลุ่มการเมืองฝั่งตรงข้ามที่ฉวยจังหวะในยามที่คนทั้งประเทศกำลังไว้อาลัย !