แสงไทย เค้าภูไทย

ยิ่งใกล้วันเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก็ยิ่งมีข่าวความขัดแย้งในการเลือกตั้งประธานสภาระหว่างก้าวไกลกับเพื่อไทยในสื่อโซเชียลจากปากนักการเมืองถี่ขึ้น โดยล่าสุดตัวเล่นคือข่าวจาก ร.อ.ธรรมนัส  พรหมเผ่า  พรรคพลังประชารัฐผู้เสนอนายสุชาติ  ตันเจริญ พรรรคเพื่อไทยอดีตอยู่ร่วมพรรคกับ ร.อ. ธรรมนัส

แนวโน้มที่จะมีการเสนอชื่อ นายสุชาติเป็นประธานสภานั้นมีค่อนข้างมาก เพราะนี่จะเป็นหนทางผูกพันกับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ การดึง พลเอกประวิตร มาร่วมกับเพื่อไทย ทางหนึ่งเพื่อตัดขาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จาก การมีส่วนร่วมในรัฐบาลที่ “ดีล” กันอยู่นี้ 

ทั้งนี้ที่ในฐานที่ปลด ร.อ.ธรรมนัส จาก  รมช.เกษตรฯ ในรัฐบาลที่แล้ว

การที่จะสกัดพลเอกประยุทธ์จากแคนดิเดตนายกฯพรรคเสียงข้างน้อย แต่ยังมีด้วยเสียงวุฒิจากการโหวตในฐานะแคนดิเดตนายกฯก็ด้วยการดึงพลเอกประวิตรมาอยู่ตรงจุดนี้นี่เอง

สถานการณ์รัฐบาลยามนี้จะต้องฝ่าหลายด่าน  แม้ว่าก้าวไกลกับเพื่อไทยยังดูผสมกลมเกลียวกันทั้งสองพรรคดีอยู่ก็ตาม

แต่ด่านหินที่สุดก็คือเสียง ส.ว. 250 เสียงที่ก้าวไกลยังต้องการอยู่อีก 64 เสียงเพื่อให้ได้เกินกึ่งหนึ่ง จากที่มีอยู่ยามนี้ 376 ซึ่งยามนี้ทั้ง  2 พรรครวมกับ 8 พรรคมีอยู่แล้ว 312 เสียง

หากไม่สามารถตกลงกับเพื่อไทยเรื่องการเลือกประธานสภาได้  และเปิดให้ฟรีโหวต ซึ่งเป็นการโหวตลับ

ก็เชื่อแน่ว่าโหวตจะไปทางเพื่อไทย

และที่จะตามมาก็คือการโหวตพรรครัฐบาลและตัวนายกรัฐมนตรี ซึ่งย่อมจะผิดไปจากที่ตกลงกันไว้

มีเสียงยืนยันกันในกลุ่มพรรคที่ตกลงร่วมรัฐบาล  8  พรรคแนบแน่นว่าไม่มีการแตกแถวแน่นอนและการตั้งรัฐบาลหรือเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นฉันทามติของประชาชนทั้งประเทศ เป็นเสียงส่วนใหญ่ที่เลือกพรรคก้าวไกลกับเพื่อไทย

แต่รัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ห้ามพรรคที่ไม่ได้เป็นอันดับหนึ่งไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ หากพรรคที่ชนะการเลือกตั้งอันดับหนึ่งไม่สามารถรวบรวมเสียงได้มากที่สุดจัดตั้งรัฐบาล

อย่างรัฐบาลชุดที่แล้วเป็นต้น  เหตุจากการออกแบบรัฐธรรมนูญที่ทำให้วุฒิสมาชิกอันเกิดจากการแต่ตั้ง จาก คสช.250 คนสามารถโหวตตั้งนายกรัฐมนตรีได้

ส.ว.ชุดนี้ก็เลยเลือกรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีในทิศทางเดียวกันทั้งหมด 250 คนไม่แตกแถวเลยแม้คนเดียว เป็นมรดกบาปของรัฐบาลรัฐประหารมาจนถึงวันนี้ กว่าจะหมดอายุ ส.ว.ก็สิ้นปีหน้า

มีการเรียกร้องให้บรรดา ส.ว.บางกลุ่ม บางพวกเห็นแก่ความเป็นประชาธิปไตยเลือกพรรคตามเสียงประชาชนส่วนใหญ่

แต่ก็มีส่วนน้อยระดับ 20-30 คนเท่านั้น เหตุผลหนึ่งก็คือกฎหมายมาตรา 112 และการถือหุ้น ในไอทีวี ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นข้อขว้าง

นอกจากนี้ยังมีเรื่องร้องเรียน กกต.อีก 2-3 เรื่อง ถ้ามองพรรคอันดับรองเพื่อไทยแล้ว ดีลกันง่ายกว่าเยอะ 

และมือดีลนั้นผลงานทำไว้คือรวบรวมพรรคเล็กพรรคน้อยตั้งพรรคร่วมรัฐบาลชุดที่แล้วได้ถึง 19 พรรค เป็นรัฐบาลที่ประกอบด้วยพรรคร่วมมากที่สุดในโลก