เสือตัวที่ 6

การชูประเด็นวาทกรรมปาตานี เพื่อขับเคลื่อนงานการเมือง ในการกำหนดใจตนเอง (RSD) รวมทั้งการใช้สื่อสังคมออนไลน์โจมตีการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โฆษณาชวนเชื่อทั้งภายในและต่างประเทศ บิดเบือนข้อมูลให้เห็นว่ารัฐบาลไทยปฏิบัติต่อพี่น้องมุสลิมในด้านลบ ปลุกกระแสชาตินิยมและสร้างความเกลียดชังระหว่างคนต่างศาสนาให้กับกลุ่มเยาวชนและประชาชนในพื้นที่ให้ต่อต้านอำนาจรัฐ ขยายผลสู่องค์กรระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ฝ่ายมวลชนและแนวร่วมที่แอบแผงอยู่กับองค์กร ภาคประชาสังคมจะเคลื่อนไหวทางการเมืองระดับชาติ ร่วมกับการสร้างสถานการณ์การต่อสู้ด้วยอาวุธโดยการหล่อเลี้ยง ความรุนแรงให้ดำรงอยู่ต่อไป คู่ขนานกับการจัดกิจกรรมทั้งในและนอกพื้นที่ โดยสร้างภาพให้เชื่อว่าเป็นการทำงานด้านสันติวิธีและด้านสิทธิมนุษยชน หากแต่มุ่งเน้นกิจกรรมปลุกกระแสอัตลักษณ์ ความมีตัวตนของขบวนการโดยเฉพาะกลุ่ม BRN อันเป็นตัวการหลักของเรื่องราวทั้งหมดของการแบ่งแยกดินแดนเพื่อเอกราชตามนัยยะของขบวนการแห่งนี้

การฉกฉวยโอกาสในขณะที่บรรยากาศของการเปลี่ยนแปลงการเมืองระดับชาติที่กำลังสร้างกระแสสิทธิ เสรีภาพของประชาชน การเลือกตั้งผู้ปกครองสูงสุดระดับจังหวัดด้วยคนในพื้นที่เอง จึงเป็นโอกาสของการเปิดปฏิบัติการรุกทางการเมืองทั้งในและต่างประเทศ โดยใช้สังคมออนไลน์เป็นช่องทางแสดงตนในการอ้างความเป็นตัวแทนประชาชนชาวมลายูปัตตานี เพื่อความชอบธรรมในการต่อสู้พร้อมกับเสนอที่อ้างว่าเป็นความต้องการของประชาชนสู่การรับรู้ของสาธารณะ โดยอาศัยการดำเนินงานของกลุ่มแนวร่วมสหพันธ์นิสิตนักศึกษา นักเรียน และเยาวชนปาตานี หรือกลุ่ม PerMAS ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาสังคม พยายามมุ่งสู่หลักการสิทธิในการกำหนดใจตนเอง (RSD) จนกระทั่งมาถึงเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 66 ที่ผ่านมา มีการเปิดตัวแสดงแทนที่เรียกตนเองว่า ขบวนการนักศึกษาแห่งชาติอย่างโจ่งแจ้ง ณ มหาวิทยาลัย มอ.ปัตตานี นั่นแสดงให้เห็นว่า BRN เร่งเดินงานการเมืองตามแนวทางสิทธิในการกำหนดใจตนเอง (RSD) โดยการเปิดหน้าสู้กับรัฐมากยิ่งขึ้น

ยุทธศาสตร์ที่เน้นงานสงครามการเมือง ให้ความสำคัญกับการปลูกฝังอุดมการณ์ชาตินิยมแบบสุดโต่ง และความเข้าใจผิดในหลักศาสนา (ดารุลฮัรบี) โดยมุ่งเติมแต่งหลักการจากแนวทางสงบสันติไปสู่ความขัดแย้งกับคนต่างความเชื่อทางศาสนามากขึ้น พร้อมกับการปฏิเสธการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม กับสังคมใหญ่ของชาติ ร่วมกับการก่อเหตุรุนแรงตามโอกาสอำนวย โดยมุ่งสู่การทำลายระบบแห่งรัฐกับส่งสัญญาณความขัดแย้งด้วยอาวุธ ออกสู่การรับรู้ในประชาคมระหว่างประเทศ การก่อเหตุรุนแรงจึงมุ่งกระทำต่อเป้าหมายเชิงสัญลักษณ์ของอำนาจรัฐมากขึ้น โดยก่อเหตุรุนแรงระยะหลังมานี้ จะต้องทำเพื่อหนุนเสริมงานการเมืองทั้งต่อประชาคมระหว่างประเทศและประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ เป้าหมายสำคัญของการขับเคลื่อนการต่อสู้ของกลุ่ม BRN คือการขยายงานการเมืองในประชาคมระหว่างประเทศให้เกิดการยอมรับสถานะของกลุ่มตนให้มีสถานะทัดเทียมกับรัฐไทยอย่างเทียมบ่าเทียมไหล่ เพื่อคงศักยภาพในการต่อสู้ (ทางความคิด) เอาชนะทางการเมืองนั่นคืออิสรภาพในการปกครองกันเองของคนในพื้นที่อย่างสมบูรณ์ การแสดงออกถึงความเป็น อัตลักษณ์เฉพาะตนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการแสดงออกด้วยกิจกรรมหลายครั้งดังกล่าว ด้วยสิ่งที่ได้จากการจัดกิจกรรมรวมตัวของเยาวชนได้ซ่อนความหมายที่พยายามหล่อหลอมความคิดให้คนรุ่นใหม่เชื่อว่า กลุ่มคน ในพื้นที่มีความเป็นชาติพันธุ์และประวัติศาสตร์ รวมทั้งมีอัตลักษณ์และวิถีชีวิตเป็นของตนเอง

ซึ่งนั่นจะเป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับรัฐอย่างทรงพลังยิ่ง เป็นแนวร่วมในการสนับสนุนการต่อสู้กับรัฐเพื่อเป้าหมายสุดท้ายนั่นคืออิสระในการปกรองกันเองของคนในพื้นที่อย่างสมบูรณ์ ผ่านการยุยงให้เยาวชนชายและหญิงออกมาแสดงจุดยืนในสังคม เป็นการรุกคืบอย่างมีจังหวะก้าวที่สอดรับกันอย่างกลมกลืนและการสร้างวาทกรรมอันซับซ้อนซ่อนเจตนารมณ์ที่แท้จริงในการบรรลุเป้าหมายสุดท้ายที่ต้องการ แนวคิดเหล่านั้นได้ส่งผ่านออกมาให้ได้รับรู้อย่างแยบยลผ่านวาทกรรมการแก้ปัญหาไฟใต้ด้วยการสร้างสันติภาพที่ประชาชนเป็นเจ้าของ แต่ซ่อนเป้าหมายที่แท้จริง นั่นคือการแบ่งแยกดินแดนจากรัฐเพื่ออิสระในการปกครองกันเอง และให้ตระหนักไว้ว่า สันติภาพในความหมายของกลุ่มขบวนการเห็นต่างจากรัฐที่กำลังขับเคลื่อนผ่านวาทกรรมต่างๆ เหล่านั้น ต้องเป็นสันติภาพในความหมายเดียวกันกับรัฐ นั่นคือสันติภาพที่มีความมั่นคงของชาติ ในความหมายของบูรณภาพแห่งอาณาเขตที่เป็นรัฐเดียวจะแบ่งแยกมิได้ ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญของรัฐในทุกยุคทุกสมัยจวบจนรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

ห้วงเวลาสำคัญที่จะเปลี่ยนผ่านจากการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาในพื้นที่ปลายด้ามขวานของไทยก็ยังคงต้องสร้างความเป็นปึกแผ่นมั่นคงของรัฐในความหมายของบูรณภาพแห่งอาณาเขตที่เป็นรัฐเดียวจะแบ่งแยกมิได้ ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญของรัฐในทุกยุคทุกสมัยจวบจนรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน 2560 ที่กล่าวไว้ว่า รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน บนความหมายของบูรณภาพแห่งอาณาเขต ที่ว่าคือความครบถ้วนสมบูรณ์ของอาณาเขต ซึ่งรัฐจักต้องรักษาไว้ให้ครบถ้วนสมบูรณ์อยู่ตลอดเวลาโดยจะแบ่งแยกจากรัฐมิได้เป็นอันขาด