แสงไทย เค้าภูไทย
กรมสุขภาพจิตออกมาเตือนเสพติดหมกมุ่นข่าวคราวการเมืองมากไปเกิดโรค PSS อาการเครียดทางการเมือง
เปลี่ยนผ่านทางการเมืองนี้ สื่อโซเชียลมีเดียกลายเป็นเครื่องมือหักล้างทางการเมืองอันเข้มข้น ทั้งเป็น IO จากกลุ่มต่อต้านผู้ชนะการเลือกตั้งซึ่งมุ่งเน้นที่หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ทั้งการแก้ต่างจากผู้รู้ นักวิชาการ นักกฎหมาย
ฝ่ายโค่นล้มก็ผลิตข่าวออกมาโจมตี มีการหาข้อมูลสนับสนุน นำภูมิหลังทั้งด้านส่วนตัว ทั้งด้านข้อมูลกฎหมายมาโจมตี โดยอ้างอิงแหล่งข่าวและนักวิชาการ
ฝ่ายปกป้องหรือแก้ต่างแทนนายพิธาก็ได้รับการเอ่ยอ้างสนับสนุน ว่อนไปทุกสื่อไม่ว่าจะสื่อสังคมออนไลน์ สื่อโทรทัศน์ มีกันทุกวัน วันหนึ่งๆถี่ยิบ
นักวิชาการ ครูอาจารย์ นักกฎหมาย อดีตข้าราชการตุลาการ ถูกสัมภาษณ์อ้างอิงกันไปทั่ว
ข่าว ข้อมูลที่ออกสื่อกันถี่ยิบ ทำให้ทางกรมสุขภาพจิตเป็นห่วงว่าผู้เสพข่าวจะเกิดอาการปริวิตก หมกมุ่นกับสาระของข่าวจนเกิดอาการทางจิตขึ้นเรียกว่าอาการ PSS จนต้องออกโรงเตือน
อาการ PSS ย่อมาจาก Political Stress Syndrome ไม่ใช่เป็นอาการที่เกิดจากปัญหาทางสุขภาพจิต หากแต่เป็นปฏิกิริยาที่เกิดจากผู้ที่สนใจในปัญหาบ้านเมืองที่ติดตามสถานการณ์บ้านเมืองอย่างใกล้ชิดชนิดเสพติดข่าวสารความเคลื่อนไหว โดยเอนเอียงไปทางกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จนทำให้เกิดอาการทางกาย จิตใจและกระทบต่อสัมพัยธภาพกับผู้อื่น มีลักษณะสำคัญ 3 ข้อคือ
1.ตึงขมับ หรือต้นคอ หายใจไม่อิ่ม แน่นท้อง ชาตามร่างกาย
2.อาการทางจิตเช่นหมกมุ่น หงุดหงิดง่าย โกรธ ฉุนเฉียว ก้าวร้าว เบื่อหน่าย สิ้นหวัง ฟุ้งซ่าน
3. ปัญหาพฤติกรรมและสัมพันธภาพกับผู้อื่น โต้เถียงกับคนอื่นหรือคนในครอบครัวโดยใช้อารมณ์ อาจนำไปสู่ใช้กำลัง อาจนำไปสู่ปัญหาสัมพันธภาพรุนแรง
การใช้พื้นที่บนเฟซบุ๊ก หรือไลน์หรือสื่อโซเชียลมีเดีย ต่างๆนั้น ที่จริงน่าจะเป็นประโยชน์มหาศาลเพราะนำความคิด ความอ่าน ข้อมูลข่าวสารจากปัจเจกบุคคลให้มาพบปะกัน ดังเป้าหมายการสร้างสื่แต่แรกว่า สื่อสังคมออนไลน์ คือใช้สื่อถึงกันผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
แต่ขณะนี้ได้แปลงเป็นเครื่องมือสื่อถึงกันด้วยข้อความ ข้อมูลที่มีเนื้อหาทุกด้าน ทุกรูปแบบ ตั้งแต่ข่าว ข้อความ บทความ ภาพ คลิปวิดีโอ โฆษณา บทความ สาระสำคัญๆ ข้อความเท็จ ข้อความหลอกลวง โจมตีฝ่ายเห็นต่าง ฝ่ายตรงข้าม มีการด่าทอกันอย่างดิบเถื่อนฯลฯ สารพัดรูปแบบ
ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อจัดตั้งรัฐบาลนี้ข่าว ข้อมูล ข้อความจากทั้งสองฝ่ายออกมาหน้าตาจนกรมสุขภาพจิตห่วงคนไทยจะเสพเสียจนเป็นโรค PSS
จึงหวังกันว่าสงครามข่าวจะลดและเลิกไปโดยเร็วเพราะตอนนี้ กกต.ประกาศรับรอง ส.ส.ทั้งหมดแล้ว 500 คนทั้ง เขตเลือกตั้ง 400 เขตที่นั่งและบัญชีรายชื่อ 100 ที่นั่ง ส.ส.ไปขอใบรับรองตั้งแต่ 20 -24 มิ.ย.นี้
คร่าวๆเท่าที่รับรองกันไปเป็นพรรคก้าวไกล 151 ที่นั่ง เพื่อไทย 141 ที่นั่ง ภูมิใจไทย 70 ที่นั่ง พลังประชารัฐ 40 ที่นั่ง รวมไทยสร้างชาติ 36 ที่นั่ง และ ประชาธิปัตย์ 25 ที่นั่ง
คงจะมีการประชุมสภาเร็วขึ้น ตั้งรัฐบาลได้เร็วขึ้น เป็นสัญญาณดีมาก ต่อนักลงทุน ต่อประชาชน ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี
อาการหรือโรค PSS ก็คงจะหายไปเอง แต่การที่ว่าที่นายกรัฐมนตรีพิธาจะได้เป็นนายกฯตามที่กำลังลุ้นกันอยู่นี้ได้หรือไม่ คงต้องอยู่ที่สองขวากหนาม
ขวากหนามแรกคือกรณีถือหุ้นในไอทีวีกับขวากหนามที่ 2 คือจำนวน ส.ว.ที่จะร่วมโหวตเลือกนายกฯ
ทั้งสองกรณีมีสิทธิล้มความหวังที่พิธาตั้งมาตลอดเวลาที่นี้ได้เมื่อเรื่องไปถึงศาล