ต่อเนื่องมาถึง 11 ตอนแล้ว ตอนนี้จะเป็นตอนสุดท้าย สำหรับ เรื่อง“ภาษาการเมือง(ที่เข้าใจว่ายังสับสนกันอยู่เกี่ยวกับอุดมคติทางการเมือง)” ตามทัศนะของ พระธรรมโกศาจารย์ พุททาสภิกขุ ที่ได้แสดงเอาไว้ในการอบรมนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กลุ่มพุทธศาสตร์ เรื่อง “ภาษาเกี่ยวกับการเมือง” (https://pagoda.or.th/buddhadasa/20230330.html) ดังได้นำความมาเผยแพร่ ดังนี้
“…ทีนี้เราต้องการความเจริญ ก็หลับหูหลับตาสร้างกันแต่ทางวัตถุ มันก็เกิดเรื่องทางจิตใจ จิตใจมันก็เสื่อมลงไปจนสูญหายไป เนี่ยจะเป็นเรื่องที่ว่าผิดโดยไม่รู้ตัวว่าผิด ฆ่าตัวตายอย่างที่ไม่รู้ว่าเรากำลังฆ่าตัวตาย ทีนี้คำถัดไปที่มันเนื่องกัน ที่จะต้องรู้ ถ้าการถอยหลังเข้าคลอง ถ้าพูดอย่างนี้พวกคุณก็เครียดทันที ถอยหลังเข้าคลอง คุณต้องการก้าวหน้า ก้าวหน้า แต่การก้าวหน้าระวังให้ดี มันก้าวหน้าไปลงเหว หรือว่ามันก้าวหน้าพลัดตกหน้าผาลงไป มันเป็นอย่างนั้น
ทีนี้คำว่าถอยหลังเข้าคลองนี้มันจะถูกต้องขึ้นมาทันที สำหรับผู้ที่ก้าวหน้าจะพลัดเหวอยู่แล้ว ถอยหลังเข้ามาเสียมันถูกต้อง อยู่ในร่องในรอยนี้มันถูก และคำว่าถอยหลังเข้าคลองนี้ จะถูกสำหรับคนสมัยปัจจุบันนี้ ซึ่งกำลังออกนอกคลอง ออกนอกทางจะพลัดเหวอยู่แล้ว พลัดเหวแห่งวัตถุนิยม คือความสุขสนุกสนาน อะไรต่ออะไร ทางเนื้อทางหนัง ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งความฉิบหายทั้งหลาย ถ้ามันออกไปนอกคลอง ที่นี้ถอยหลังเข้าคลอง ถ้ามันถอยหลังเข้ามาสู่ความถูกต้อง
คำว่าถอยหลังเข้าคลองก็เกิดเป็นสองความหมาย ถอยหลังเข้ามาสู่คลองแห่งความถูกต้อง ผิดเพราะมันเพราะมันได้ทำผิดไปมากแล้ว ถอยหลังเข้าคลองอย่างนี้ประเสริฐ วิเศษ จำเป็นและเหมาะสมอย่างยิ่ง สำหรับพวกคุณทั้งหลายที่จะต้องขอเรียกว่าเยาวชนสักหน่อย กำลังจะเดินผิดคลอง ก็ต้องถอยหลังให้ให้มันเข้าคลอง แล้วก็ดูให้ดี ให้มันถูกคลองที่แท้จริง อย่าให้มันหลอก อย่างแรกถอยหลังเข้าคลองนี้จะนึกถึงว่า วิญญาณของเด็กๆ ยังบริสุทธิ์ ไม่ค่อยเห็นแก่ตัว ถ้าเห็นแก่ตัวนี้เพิ่งเกิดเมื่อโตขึ้น โตขึ้น ยิ่งโตยิ่งฉลาดไปผิดทาง ก็ยิ่งเห็นแก่ตัวมาก นี่จะทำให้โลกให้ฉิบหาย เพราะความเห็นแก่ตัว
เด็กๆยังไม่รู้จักเห็นแก่ตัว ใช้อุดมคติอันนี้ก็ได้ เข้าไปสู่วิญญาณของเด็กๆอันบริสุทธิ์ ถ้าใช้คำว่าไม่เดียงสา มันก็จะมากเกินไป แต่ที่ใช้แล้วเหมือนกัน บริสุทธิ์เหมือนกัน มีลักษณะอย่างนั้น ไปสู่วิญญาณของเด็กๆที่บริสุทธิ์ ที่ยังไม่ทันจะเห็นแก่ตัว พอโตขึ้นก็เห็นแก่ตัวมากขึ้น มันก็เห็นแก่กิเลส เห็นแก่เนื้อหนัง เห็นแก่การถูกทางเนื้อหนังมากขึ้น ถอยหลังไปหาวิญญาณของเด็กๆอันบริสุทธิ์ของเด็กๆเนี่ย จะน่าดูกว่า น่าเลื่อมใส น่าบูชากว่า แล้วถอยหลังเข้าคลองของศีลธรรม ถ้าเราออกมานอกคลองของศีลธรรม แล้วที่ถอยหลังเข้าคลองของศีลธรรม กระทั่งไปถึงเข้าคลองของมรรค ผล นิพพาน อันสูงสุดในศาสนาทุกศาสนา พวกที่มีพระเจ้าเค้าก็เรียกว่าแผ่นดินพระเจ้า ถอยหลังเข้าไปหาแผ่นดินพระเจ้า ทุกศาสนา นี่ก็เรียกว่าถอยหลังเข้าคลอง คนเดี๋ยวนี้ก็ไม่รู้จัก แล้วก็ไม่สมัคร ถ้าเรารู้จักถอยหลังเข้าคลอง มันจะไปหาพระเจ้า ไปหาศาสนามากขึ้น
คลองของวัฒนธรรมนั้นก็มีอยู่ วัฒนธรรมที่เคยบริสุทธิ์ผุดผ่อง มันก็เปลี่ยนเป็นวัฒนธรรมเนื้อหนัง เห็นแก่กิเลส เค้าไม่ใช่จะด่าคนปัจจุบันนี้ หรือว่าด่าพวกตะวันตกว่าเค้ามีแต่วัฒนธรรมเนื้อหนัง บูชาเนื้อหนัง ไม่บูชาจิตใจ เรื่องถอยหลังเข้าคลองของวัฒนธรรมหรือว่าศีลธรรมที่เป็นเรื่องของจิตใจ เนี้ย เรียกว่าถอยหลังเข้าคลองของมรรค ผล นิพพาน ถ้าเรียกทางพุทธศาสนา ถ้าเรียกอย่างศาสนาอื่น ก็ถอยหลังเข้าไปหาพระเจ้า หาแผ่นดินของพระเจ้า มันก็จะมีผลให้ว่าพระเจ้ากลับมา ศาสนากลับมา เดี๋ยวนี้เรากำลังจะไม่มีพระเจ้า กำลังจะไม่มีศาสนา เพราะเห็นแก่เนื้อหนัง ความสุขสนุกสนาน เอร็ดอร่อยทางเนื้อหนัง เอาเนื้อหนังเป็นพระเจ้า เนี่ย ปัจจุบันนี้เป็นอย่างนี้ รู้จักแต่เรื่องเนื้อหนัง ก็จำเป็นอยู่เองที่แสวงหาแต่เรื่องความดีความสุขแต่ทางเนื้อหนัง เพราะว่าถอยหลังเข้าคลองเนี้ย มันมีปัญหาอย่างนี้เอง…”