รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์

ประธานที่ปรึกษาสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

เมืองไทยช่วงเดือนเมษายนอากาศร้อนระอุอ้าวเป็นปกติ แต่มาในปีนี้อุณหภูมิสุดร้อนเขยิบแตะที่ 43 องศาเซลเซียส นับว่าร้อนเหนือร้อนและอาจถึงขั้นตับแตกกันทีเดียว เฉกเช่นเดียวกับอุณหภูมิการเมืองไทยก็ร้อนปุ๊ด ๆ เข้มข้น ดุเดือด ไม่แพ้กัน นับจากวันที่ ‘ลุงตู่’ ประกาศล้างไพ่ยุติ ‘เกมเก่า’ นักการเมืองต่างพาเหรดเข้าโหมด ‘เกมใหม่’ สู้กันแบบถึงพริกถึงขิง

กว่าจะถึงวันนัดชี้ชะตาพรรคการเมืองว่าใครจะช่วงชิงที่นั่งหรือพื้นที่ได้มากกว่า กล่าวได้ว่าศึกการเลือกตั้งทั่วไปปี 2566 เป็นเกมการเมืองหน้าประวัติศาสตร์ที่สนุกและพิเศษแตกต่างจากการเลือกตั้งทั่วไปในอดีตอยู่หลายประการ อาทิ

หนึ่ง - ตัวตนพรรคการเมืองแบ่งขั้วกันชัดเจนตามอุดมการณ์ทางการเมืองที่เชื่อมั่น “ขั้วอนุรักษนิยมกับขั้วเสรีประชาธิปไตย” สอง - เป็นศึกเชิงปัญญาที่ใช้กลยุทธ์และความคิดเข้าห้ำหั่นกันแบบเข้มข้น ร้อนแรง ผลัดกันรุกและผลัดกันรับทุกเสี้ยววินาที โดยเฉพาะช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งที่ต้องจับตาให้มากว่าพรรคการเมืองจะใช้วิธีการหรือวาทกรรมใดมาสู้กัน สาม - เป็นศึกที่กล่าวกันว่ามีการทุ่ม “กระสุน” สูงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดภาคใต้ซึ่งในอดีตเคยเป็นพื้นที่ที่กระสุน ‘ด้าน’ ไม่ทำงานมากที่สุด สี่ - เป็นการต่อสู้ของกลุ่มนักการเมืองที่ต่างวัยวุฒิระหว่างนักการเมืองรุ่นเก๋ากับนักการเมืองใหม่หน้าหยก แต่พลังและศักยภาพสูสีไม่เป็นรองกัน และห้า - เป็นศึกการหาเสียงที่มีการช่วงชิงคะแนนเสียงผ่านเวทีดีเบตมากสูงสุดกว่าทุกครั้ง บนแพลตฟอร์มทั้งสื่อเก่าและสื่อใหม่

ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งล่วงหน้า (อีก 8 วัน) และวันเลือกตั้งจริง (อีก 16 วัน) เข้ามามากเท่าไหร่ ไม่แปลกที่จะเห็นสถานการณ์ การเมืองไทยออกอาการ ‘เหวี่ยง’ แรงและดุเดือดหนักขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว เพราะทุกพรรคต่างทุ่ม ‘งัดและโยน’ กลยุทธ์เด็ด แก้เกมกันแบบไม่มีใครยอมเป็นรองใคร โดยเฉพาะพรรค ‘ตัวตึง-ตัวเต็ง’ ต่างสู้กันแบบหมัดแลกหมัด และสู้กันด้วยพลังความคิด พลังปัญญา และพลังสร้างสรรค์

ใครจะมาเหนือกว่า แก้เกมเก่งกว่า ใช้วาทกรรมแหลมคมกว่า และเข้าถึงเข้าใจประชาชนรวดเร็วมากกว่า ก็ต้องมาวัดกันที่โค้งสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง แม้ว่าทุกพรรคจะมีเป้าที่กำหนด แล้วพรรคไหนจะไปถึงดวงดาวได้จริง ประชาชนอย่างเรา ๆ ก็ต้องจับตามองและลุ้นกันแบบวินาทีต่อวินาที ที่สำคัญก็ยังอดหวั่นลึก ๆ อยู่ว่า ‘กระแส จะพ่ายให้กับ กระสุน’ หรือไม่ และ ทั้งกระแสและกระสุนจะพ่ายให้กับ ‘พลังเขียว’ ในตอนจบของเกมหรือไม่

เมื่อเป้ามีไว้ให้พุ่งชน ทุกคะแนนเสียงล้วนมีความหมาย การเอาชนะใจเจ้าของคะแนนเสียงผ่านนโยบายที่เฉียบ ๆ และทำได้จริง ไม่ขายฝัน กลายเป็นอาวุธเด็ดที่ใช้ปั่นกระแสเรียกเรตติ้งในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้งได้แน่ ถึงแม้ว่ากระแสวันนี้ยังไม่นิ่ง วางใจไม่ได้ ด้วยมีสภาวะน้ำขึ้นน้ำลงโดยเฉพาะจากกลุ่มก้อนสวิงโหวต ‘ยังไม่ตัดสินใจ’ แต่นี่คือ...กลุ่มก้อนตัวแปรเปลี่ยน ที่สำคัญ ซึ่งสุดท้ายแล้วทุกพรรคต้องใช้ ‘พลังตัวเลข’ ชี้เป็นชี้ตายว่าจะได้มายืนบนเวทีการเมืองไทยใดระหว่างฝั่ง ‘แท่นบริหาร’ กับ ฝั่ง ‘แท่นมอนิเตอร์’  

กลยุทธ์การไม่ประกาศให้ชัด ๆ ว่าจะผูกมัดตัวเองผสมเข้ากับพรรคใดบ้าง? ดูเป็นจุดแข็งทันที พลันที่ผลการเลือกตั้งจริงปรากฏแบบไม่แลนด์สไลด์ แต่ขณะเดียวกันก็กลายเป็นจุดอ่อนในเวลานี้ก่อนถึงเวลากาบัตร เมื่อขั้วเดียวกันใช้เป็นจุดโจมตีระหว่างทางการหาเสียงเลือกตั้งโค้งสุดท้ายว่า...ขาดความจริงใจและไม่ตรงไปตรงมากับประชาชนและขั้วเดียวกัน

เกมตัวเลขคราวนี้ต้องนับว่าเป็น ‘โจทย์หิน’ สำหรับทุกพรรคและทุกขั้วที่ต่างก็เกกันไปมา ผลัดกันขึ้นผลัดกันลง โดยเฉพาะการชูประเด็นนโยบายประชานิยมและรูปแบบการฟอร์มรัฐบาล แน่นอนว่ากุนซือพรรคต้องทำงานหนักหน่วงเพื่อโชว์กึ๋น หักล้าง และแก้เกมให้ทันท่วงที เพราะตราบใดที่วันเลือกตั้งจริงยังมาไม่ถึง สถานการณ์ก็แปรเปลี่ยนพลิกโยกเยกกลับไปกลับมาทุกวัน

ทั้งนี้ ศาสตราจารย์ ดร.อรรถกฤต ปัจฉิมนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย ระบุเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า สถานการณ์การเมืองไทยมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาขึ้นอยู่กับ “ช่วงเวลาก่อนการเลือกตั้ง” และโฉมหน้ารัฐบาลใหม่

หลังการเลือกตั้งขึ้นกับ “ปัจจัยทางรัฐศาสตร์” เป็นตัวกำหนด ได้แก่ การแข่งขันของพรรคการเมือง การเลือกตั้งโดยเฉพาะก่อนใกล้วันเลือกตั้ง รูปแบบสถาบันทางการเมืองโดยเฉพาะวุฒิสมาชิก 250 คน ขนาดของพรรคการเมือง โควตาจำนวนที่นั่งรัฐมนตรีกับ การจัดตั้งรัฐบาล การยุบพรรคการเมือง ระบบการเลือกตั้ง และรูปแบบการจัดตั้งรัฐบาล

การเลือกตั้งทั่วไปปี 2566 หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างหวั่นไหว ด้วยมีสถานการณ์บ่งชี้นำไปสู่สภาวะ “จนตรอก” ทางการเมือง หรือ Political Deadlock ทำให้เกมการเลือกตั้งออกมาแบบ ‘ดุ เข้ม แรง’ ทุกพรรคต่างต้องการโกยคะแนนเสียงตุนบนหน้าตักไว้ให้มากที่สุดเพื่อเป้าหมายสุดท้ายคือ การเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล

นับจาก ณ วันนี้ เป็นต้นไป พี่น้องชาวไทยที่เคารพรักทุกท่าน ต้องติดตามการเมือง ‘โค้งสุดท้าย’ เลือกตั้ง อย่างจดจ่อ และพลาดไม่ได้แม้สักเสี้ยววินาทีครับ !!!