ถือเป็นความชัดเจนมากกว่าครั้งไหน ๆที่ผ่านมา เมื่อ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะว่าที่แคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ ตอบคำถามสื่อเรื่องที่ค้างคาใจ ปม นายกฯ2ปี  โดยบอกชัดเจนว่า มีคนที่จะ รับไม้ต่อ แล้ว 

 
แน่นอนว่าพล.อ.ประยุทธ์ ชี้ชัดว่าทายาททางการเมือง ของเขาคือ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ  โดยจะลงสมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1 ของพรรค ซึ่งจะเป็นเหตุเป็นผลต่อการดำรงตำแหน่งนายกฯ 2ปีของพล.อ.ประยุทธ์ 


 หากพล.อ.ประยุทธ์ได้กลับมาเป็นนายกฯ หลังการเลือกตั้ง 14 พ.ค.66 นี้ ก็จะอยู่ได้เพียง 2 ปีตามกฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ว่ามิให้ดำรงตำแหน่งนายกฯติดต่อกันเกิน 8ปี 
  
ใครจะว่าอะไรก็ว่าไป ผมมองในเรื่องของการให้โอกาสคนอื่นเขาขึ้นมาเป็นบ้าง ผมก็เลยให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็น ส.ส. บัญชีรายชื่ออันดับ 1 เพราะมีผลกับการอยู่ 2 ปีของผม
  
หลายคนถามว่าผมอยู่ 2 ปีแล้วจะเป็นยังไง ก็นั่นไงคือคำตอบ ซึ่งเป็นตัวเลือกในการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป ถ้าผมได้อยู่ 2 ปี ก็จะมีคนสานต่อตรงนี้ ทุกอย่างมันคือยุทธศาสตร์ ซึ่งยุทธศาสตร์คือระยะยาวไป (3 เม.ย.66) 
 
การออกมาระบุชัดเจนจากพล.อ.ประยุทธ์ เช่นนี้ นอกจากจะเป็นการชี้ให้เห็นถึง ทายาททางการเมือง และทิศทางในห้วง 2ปีหลัง เมื่อเขาลุกจากตำแหน่งแล้ว ยังมีนัยยะที่น่าสนใจ นั่นคือการส่งสัญญาณ ว่าถึงอย่างไรเก้าอี้นายกฯคนที่ 30 ก็ยังเป็นคนของพรรครวมไทยสร้างชาติ 
 
และที่สำคัญ ไม่ใช่ทั้ง บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หรือ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่แม้วันนี้ยังยืนอยู่ในครม.รักษาการร่วมกันก็ตาม 

 หากถามว่า ใคร จะได้รับผลกระทบจาก การส่งสัญญาณทางการเมือง ของ พล.อ.ประยุทธ์ ครั้งนี้มากที่สุด ย่อมจะเป็นพล.อ.ประวิตร ที่พยายามดำเนินบทบาท โซ่ข้อกลาง และในช็อตต่อไป ยังเท่ากับเป็นการกระทบไปยัง ข่าวลือ ที่ว่าด้วย ดีลลับ การจับมือกันระหว่าง พรรคเพื่อไทยกับบิ๊กป้อม หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ดูว่าจะเป็นการง่ายที่สุด หากคิดจะ พลิกขั้ว มาเป็นฝ่ายรัฐบาลให้กลายเป็น เรื่องยาก และเป็นไม่ได้ ไปในพริบตา !