ภาวะวิสัยทางการเมือง สำหรับ พรรคเพื่อไทย ไม่สู้ดีนัก  เมื่อวันนี้ ดูเหมือนว่า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คงไม่มี ไพ่ใบใหม่ ทิ้งลงมาสู้กับ ฝั่งตรงข้าม ได้อีกแล้ว !

 การเปิดตัว อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือน จากกระแสที่เคยพุ่งสูงในห้วงแรก ก็เริ่มลดระดับเพดานลง ดังนั้นจึงกลายเป็นว่าการมาของอุ๊งอิ๊ง เพื่อตอบโจทย์ สร้างความมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทย ต้องไปต่อ โดยมีเธอคือ ตัวแทนของ ครอบครัวชินวัตร เป็นตัวเชื่อม

 แต่เมื่อจากนี้ อุ๊งอิ๊ง ย่อมเดินสายหาเสียงไม่ได้แล้ว ด้วยเธอมีอายุครรภ์หลายเดือน และใกล้คลอดเต็มที การเปิดตัว ผู้เล่น ทั้ง เศรษฐา ทวีสิน ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย จึงเกิดขึ้นมารับไม้ต่อตามจังหวะเวลา  จากนั้น มีแต่รายงานข่าวว่า แคนดิเดตนายกฯ คนที่ 3 ของพรรคเพื่อไทย ต่อจากอุ๊งอิ๊งและเศรษฐา ก็คือ หมอมิ้ง  นพ.พรหมินทร์  เลิศสุริย์เดช  มือทำงานใกล้ชิดกับ ทักษิณ ตั้งแต่เมื่อครั้งก่อตั้งพรรคไทยรักไทย 

 อย่างไรก็ดี ไม่ว่าแคนดิเดตนายกฯคนที่ 3 คนสุดท้ายสำหรับพรรคเพื่อไทย จะเป็นใคร ก็อาจไม่ใช่การตอบโจทย์ที่มากพอสำหรับการต่อสู้ในสนามเลือกตั้งครั้งนี้เสียแล้ว  เมื่อ พรรคก้าวไกล ชู พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ขึ้นมาเทียบกับแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย ไปพร้อมๆกับการวางตัว ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินสายขอคะแนนเสียงในหลายจังหวัดที่ผ่านมา  

 เพราะสำหรับพรรคก้าวไกลเอง ก็รู้ดีว่า การเลือกตั้งด้วยกติกาใหม่ บัตร 2ใบ นั้นย่อมไม่ได้ทำให้พรรคได้เปรียบ และเหนืออื่นใด คือรอบนี้ พรรคก้าวไกล จะไม่ได้ อานิสงน์ เหมือนเมื่อคราวที่พรรคไทยรักษาชาติ ถูกยุบพรรคเมื่อปี 2562 ก่อนลงสนาม จึงทำให้ คะแนน จากพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งเป็น พรรคสาขา ของเพื่อไทย เทไปให้พรรคอนาคตใหม่ในครั้งนั้น 

 ทว่ารอบนี้พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล กลับกลายเป็น คู่แข่ง ชิงกระแส คนรุ่นใหม่ กันเอง ซึ่งแน่นอนว่าพรรคก้าวไกล เชื่อว่า ตัวเอง มีลุ้น แม้จะไม่มีทางชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์เหมือนพรรคเพื่อไทย ที่มีโอกาสมากกว่าก็ตาม แต่การกวาดที่นั่งส.ส.เขตและปาร์ตี้ลิสต์เอาไว้ในมือได้มากเท่าใด ย่อมจะกลายเป็น  อำนาจต่อรอง หลังการเลือกตั้ง อย่างชัดเจน 

 อย่างไรก็ดี อย่าลืมว่า ทางรอด  ของพรรคเพื่อไทย ยังมีมากกว่าพรรคก้าวไกล อย่างเห็นได้ชัด นั่นคือการเปิดรับไมตรี จากพรรคการเมืองที่เป็นพันธมิตรกับพรรคของ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ 

 ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐของ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนากล้า และพรรคเสรีรวมไทย  แต่นั่นหมายความว่า พรรคเพื่อไทย จะต้องเผชิญหน้ากับ แรงกดดัน จากพรรคก้าวไกล ในการหาเสียงจากนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้ง 14 พ.ค.ในข้อหาที่พร้อมจะพลิกขั้ว เพื่อได้เป็นรัฐบาลผสม เพราะลึกๆแล้ว วันนี้ทุกคนต่างรู้ดีว่า ในสนามเลือกตั้งรอบนี้จะไม่มีใครชนะเด็ดขาด แลนด์สไลด์ไม่มีจริง !