เสือตัวที่ 6
กระบวนการพูดคุยสันติสุขหรือที่ฝ่ายขบวนการแบ่งแยกดินแดนปลายด้ามขวานเรียกกระบวนการนี้ว่า การเจรจาสันติภาพ ได้ถูกขับเคลื่อนอย่างเข้มข้นหรือหนักเบาตามห้วงจังหวะเวลาที่ฝ่ายแกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นฝ่ายกำหนดเกม ด้วยการพูดคุยจะเกิดขึ้น ดำเนินไปอย่างคืบหน้ามากน้อยแค่ไหน ในทิศทางใด หรือชะลอไป ก็เป็นไปตามความต้องการของแกนนำขบวนการแห่งนี้อย่างเห็นได้ชัด การพูดคุยสันติสุขที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันนี้ ความได้เปรียบจึงตกไปอยู่ที่ฝ่ายขบวนการแห่งนี้มากกว่าฝ่ายรัฐอย่างแท้จริง ด้วยขบวนการแบ่งแยกดินแดนแห่งนี้ มีการต่อสู้กับรัฐอย่างเป็นขบวนการ มีนักคิดที่ชาญฉลาดในการต่อสู้ระดับยุทธศาสตร์กับรัฐไทยอย่างมืออาชีพ และที่สำคัญกลุ่มคนในขบวนการแห่งนี้มีความเป็นหนึ่งเดียวในหนทางการต่อสู้ไปสู่เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์อย่างเป็นเอกภาพยิ่ง จึงทำให้การต่อสู้ของขบวนการแห่งนี้มีศักยภาพเหนือกว่ากลุ่มคนของรัฐอยู่หลายขุม
ความพยายามในการต่อสู้กับรัฐที่ฝ่ายขบวนการร้ายแห่งนี้สามารถขับเคลื่อนได้อย่างทรงพลังอยู่จนถึงวันนี้ ก็คือการต่อสู้ด้วยอาวุธหรือการใช้ความรุนแรงในทุกวิถีทาง ที่สอดประสานกับการต่อสู้ทางความคิดผ่านเวทีการเจรจาสันติภาพที่ขับเคลื่อนแบบชิงไหวชิงพริบระหว่างกัน มีให้เห็นอย่างต่อเนื่องเสมอมา และเมื่อ 12 มี.ค.66 ที่ผ่านมา ก็เกิดปรากฏการณ์การใช้ความรุนแรงเพื่อหนุนเสริมกระบวนการพูดคุยบนโต๊ะเจรจาของฝ่ายขบวนการร้ายแห่งนี้ในกรณีที่เกิดเหตุลอบนำระเบิดผูกติดใต้ท้องรถมิตซูบิชิ ปาเจโร่ ในโรงจอดรถ ภายในบ้านเลขที่ 1/1 ม.3 ต.ถนน อ.มายอ จ.ปัตตานี เพื่อหวังลอบฆ่าคีย์แมนสำคัญในคณะพูดคุยสันติสุขฝ่ายไทยนั่นคือ นาย อุซตาสสายูตี หะยีตาเห และอิสกันดาร์ ธำรงทรัพย์
การลงมือของผู้ก่อความไม่สงบด้วยการลอบติดระเบิดไว้ใต้ท้องรถยนต์ของเป้าหมาย ซึ่งเป็นวิธีการที่ห่างหายไปนาน ดังนั้นจึงวิเคราะห์ได้ว่าเป้าหมายการลอบสังหารของพวกเขาย่อมเป็นบุคคลสำคัญ ซึ่งก็คือ นาย สายูตี หะยีตาเห ซึ่งมีสถานะเป็นอุสตาซ หรือครูสอนศาสนาของโรงเรียนปอเนาะพ่อมิ่ง อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เขาเป็นหนึ่งในคณะพูดคุยสันติสุข อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ร่วมก่อตั้งมูลนิธิฮิลาลอะห์มัร หน่วยกู้ชีพกู้ภัยเอกชนในพื้นที่ จชต. และทำงานร่วมกับฝ่ายรัฐ ในคณะพูดคุยสันติสุข อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าววงในของเดอะพับลิกโพสต์ ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่ากังวลมากไปกว่านั้นว่า อีกหนึ่งในคนที่ถูกใบสั่งฆ่าจากฝ่ายขบวนการร้ายแห่งนี้ ที่เป็นเป้าหมายหลักของพวกเขาซึ่งมีความสำคัญกว่า นั้นก็คือ นายอิสกันดาร์ ธำรงทรัพย์ ซึ่งเป็นประธานมูลนิธิฮิลาลอะห์มัร และบุคคลสำคัญในการประสานงานกับฝ่ายรัฐในคณะพูดคุยสันติสุข ซึ่งหากการก่อเหตุลอบสังหารนี้บรรลุผลก็จะเกิดสถานการณ์สั่นสะเทือนกระบวนการแก้ปัญหาการก่อความไม่สงบให้ลุกลามขยายไปในวงกว้างโดยเฉพาะกระบวนการพูดคุยสันติสุขที่อาจจะต้องหยุดชะงักไปอย่างแน่นอน
ล่าสุดจากการสืบสวนพบว่า ระเบิดน่าจะถูกติดตั้งมาตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. แล้ว ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่รถถูกนำไปใช้และจอดอยู่นานในบริเวณห่างไกลผู้คนที่โรงเรียนปอเนาะพ่อมิ่ง นอกจากนั้น ข้อมูลเชิงลึกพบอีกว่า เมื่อมีการนัดประชุมงาน อุสตาซสายูตี มักจะเป็นคนไปรับ นาย อิสกันดาร์ โดยใช้รถปาเจโร่คันดังกล่าวเป็นประจำ ซึ่งในวันที่ 11 มี.ค. นั้นอุสตาซสายูตี ก็เตรียมที่จะนำรถปาเจโร่คันดังกล่าวไปรับนายอิสกันดาร์ ที่สำนักงานใหญ่มูลนิธิฮิลาลอะห์มัร จึงคาดว่าแผนของฝ่ายขบวนการร้ายแห่งนี้ ต้องการให้อุสตาซสายูตี ใช้รถปาเจโร่ที่ถูกลอบติดระเบิดไว้ใต้ท้องรถ ไปรับนายอิสกันดาร์ ที่สำนักงานใหญ่มูลนิธิฮิลาลอะห์มัร และหวังจุดระเบิดหลังสองคนขึ้นรถที่หน้าสำนักงานใหญ่ของมูลนิธิ ซึ่งหากเป็นไปตามแผนดังกล่าว การลอบสังหาร 2 บุคคลสำคัญในคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขฝ่ายรัฐ โดยเฉพาะนายอิสกันดาร์ที่เป็นมือประสานของฝ่ายไทย และ คาร์บอมบ์ ที่เกิดขึ้นหน้าสำนักงานใหญ่ของมูลนิธิซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองปัตตานี อยู่ใกล้โรงแรมซีเอส บริเวณที่ถูกถือเป็นพื้นที่ปลอดภัยตามที่ได้ตกลงกัน ก็จะเป็นการก่อความรุนแรงที่จะส่งผลให้สถานการณ์ในพื้นที่ กลับไปสู่ความรุนแรง และทำลายกระบวนการพูดคุยสันติสุขให้พังพินาศลงไป จนต้องกลับไปเริ่มต้นที่ศูนย์อีกครั้งหนึ่ง
นาย อิสกันดาร์ ธำรงทรัพย์ ปัจจุบันเป็นประธานมูลนิธิฮิลาลอะห์มัร หน่วยกู้ชีพกู้ภัยภาคเอกชนที่มีภารกิจคอยช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ จชต. ที่เผชิญกับเหตุการณ์รุนแรงรายวัน ด้วยบทบาทการทำงานในองค์กรป้องกันสาธารณภัย ทำให้นาย อิสกันดาร์ ธำรงทรัพย์ สามารถเข้าไปในพื้นที่สีแดงบางแห่ง ประกอบกับสถานะ อดีตสมาชิกกลุ่ม PNYS จึงถูกมองเป็นคนในของแนวร่วมขบวนการก่อความไม่สงบ เมื่อผนวกรวมกับการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเวลานาน ทำให้นาย อิสกันดาร์ ธำรงทรัพย์ เป็นบุคคลสำคัญยิ่ง ด้วยเขาสามารถสะท้อนให้เห็นทั้งวิธีคิดของขบวนการแบ่งแยกดินแดนและรัฐ ที่ลึกซึ้งและคมชัดยิ่ง ซึ่งหากเขามีใจไปฝักใฝ่ฝ่ายใด ก็ย่อมเป็นประโยชน์ให้ฝ่ายนั้นได้ในหลากหลายมิติ
ด้วยการเป็นผู้รอบรู้อย่างลึกซึ้งทั้ง 2 ฝ่าย ทำให้นายอิสกันดาร์ ธำรงทรัพย์ เป็นคนที่กว้างขวางกับหลายฝ่ายในพื้นที่ และดูดซับข้อมูลองค์ความรู้ไว้หลายด้าน โดยแหล่งข่าวลับเปิดเผยชนวนเหตุที่กลุ่มก่อความไม่สงบ หรือ บีอาร์เอ็น มุ่งเป้าลอบสังหารนาย อิสกันดาร์ ธำรงทรัพย์ กับ อุสตาซสายูตี หะยีตาเห สืบเนื่องจากเหตุการณ์ก่อนการพูดคุยสันติสุขครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 21-22 ก.พ. ที่ผ่านมา ฝ่ายบีอาร์เอ็นมีความพยายามที่จะเสนอให้มีการย้ายสถานที่พูดคุยไปยังบางประเทศในยุโรป และมีการกดดันมายังคณะพูดคุยสันติสุขฝ่ายไทย หากแต่ผู้ที่คัดค้านเสียงแข็งก็คือนายอิสกันดาร์และคณะ ที่ชี้ให้เห็นถึงผลเสียมากกว่าได้ของการย้ายโต๊ะเจรจาไปยุโรป และหลังฝ่ายไทยปฏิเสธขอเสนอย้ายสถานที่พูดคุยไปยุโรปฝ่ายบีอาร์เอ็นก็เริ่มออกอาการที่จะล้มการพูดคุย ที่ผ่านมาพวกเขาก็พยายามดึงประชาคมนานาชาติเข้ามาร่วมสังเกตการณ์และสักขีพยาน ดังนั้นการที่กลุ่มบีอาร์เอ็น ต้องการนำโต๊ะเจรจาไปยุโรปก็เพื่อต้องการยกระดับการเจรจาระหว่างกลุ่มขบวนการนี้กับรัฐขึ้นไปสู่ระดับนาชาติอันจะเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายขบวนการแบ่งแยกดินแดนให้ทรงพลังมากขึ้น และหากการลอบสังหารบุคคลสำคัญในกระบวนการพูดคุยสันติสุขสำเร็จ ก็จะส่งผลให้สถานการณ์ในพื้นที่เลวร้ายลง ทำลายกระบวนการพูดคุยสันติสุขให้พังพินาศ ยกระดับความรุนแรงให้สูงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง