แม้ภาพเบื้องหน้า พี่น้อง2ป. จะเหมือน แยกกันเดิน แต่อย่าลืมว่า สัมพันธภาพ ของทั้งคู่ ยังไม่มีใครฟันธงได้ว่าต่างดำเนินไปถึงขั้น ต่างคน ต่างไป !  


 แม้ พี่ใหญ่ อย่าง บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ  จะถูกตั้งข้อกังขาว่าอยู่ในเกม ดีลลับ แอบเจรจากับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และผู้มีบทบาทต่อพรรคเพื่อไทย 
 แต่ไม่ได้หมายความว่า บทบาท โซ่ข้อกลาง ที่ประสานทุกฝ่าย เปิดรับทุกดีล  จะก้าวข้ามข้อสังเกตว่า ทำเพื่อ น้องรัก อย่าง บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ในฐานะว่าที่แคนดิเดตนายกฯของพรรครวมไทยสร้างชาติ 
 เพราะอย่างน้อยที่สุดประเด็นเรื่องนี้ ยังเป็นเรื่องที่ คาใจ พรรคการเมืองในปีกฝ่ายค้าน ที่ยังมีความหวาดระแวง ในตัว พล.อ.ประวิตร ที่ทำขึงขัง หรือแม้แต่การประกาศตัวนั่ง นายกฯคนที่ 30 นั้น อีกด้านหนึ่งคือการทำหน้าที่เพื่อ รักษาแนวร่วม เพิ่มมิตร เพื่อมารวมกับ พล.อ.ประยุทธ์ ในสภาฯ ต่างหาก 


 วันนี้ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ของพล.อ.ประวิตร  มีแต่ความคึกคัก รอต้อนรับ บรรดาแกนนำจากพรรคการเมือง จนกลายเป็นหัวบันไดไม่แห้ง เช่นเดียวกับที่ทำการพรรคพลังประชารัฐที่เพิ่งต้อนรับ บิ๊กแอ๊ด พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรมว.กลาโหม ในสมัยรัฐบาลไทยรักไทย ที่เปิดตัวมาทำงานร่วมกับพรรค ดูแลพื้นที่เลือกตั้งในโซนอีสานใต้


 ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วยแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ เพิ่งเปิดพรรค เปิดตัว ทีมเศรษฐกิจ ของพรรค ไปเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมี สุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกฯและรมว.พลังงาน และม.ล.ชโยธิต กฤษดากร เข้าร่วม เพื่อเรียกความเชื่อมั่น ให้กับโหวตเตอร์ในการเลือกตั้งรอบนี้ 


 นอกจากนี้ยังเป็นการตอกย้ำถึงผลงานด้านเศรษฐกิจที่ผ่านมาของรัฐบาล ที่พาประเทศผ่านวิกฤตโดยเฉพาะช่วงโควิด -19 ตลอด 3ปีที่ผ่านมา 
 อย่างไรก็ดี สถานการณ์ทางการเมือง วันนี้ที่ดูเหมือนว่า ทั้ง บิ๊กตู่-บิ๊กป้อมที่ต่างอยู่กันละพรรค แต่ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในโหมดที่ ขับเคี่ยว กันอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ในทางตรงกันข้าม สิ่งที่เกิดขึ้นคือการที่ทั้ง 2ป. ต่างกำลังยึดสนามการเมือง กุมสภาพทุกความเป็นไป เป็นหลัก !