สัญญาณ  จะกลายเป็น สัญญาใจ ได้หรือไม่ กำลังถูกจับตา และ ตีความ อย่างกว้างขวาง ว่าสิ่งที่เห็น จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ? 
 
ความสัมพันธ์ ในฐานะ พรรคร่วมรัฐบาล  ตลอด4ปีที่ผ่านมาที่มี บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็น หัวหน้ารัฐบาล แม้จะมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง  ชิงไหว ชิงพริบ รักษาเหลี่ยมคูทางการเมืองกันบ้าง แต่ไม่ถึงขั้น แตกร้าว ชนิดต่อกันไม่ติด แต่อย่างใด 
 
ภาพที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โอบเอว กอดพล.อ.ประยุทธ์ หลังการประชุมครม.ที่ทำเนียบฯ เมื่อวันที่ 21 มี.ค.66 ท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่น เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ท่ามกลางความสนใจของสื่อมวลชน 
 
จะกลายเป็นการส่งสัญญาณ สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสและความเป็นไปได้ที่ พรรคร่วมรัฐบาล ในวันนี้ที่อยู่ในฐานะ รัฐบาลรักษาการ จะจับมือกันไปจนถึงวันตั้งรัฐบาล หลังการเลือกตั้งหรือไม่? 

 อนุทิน ให้สัมภาษณ์สื่อถึงท่าทีของพรรคภูมิใจไทย ว่า ทุกอย่างต้องไปว่ากันหลังเลือกตั้งให้เห็นตัวเลขส.ส.กันก่อน ว่าใครได้เท่าใด แต่ในตอนท้ายยังทิ้งปมเอาไว้ว่า หากพรรคร่วมรัฐบาล มีเสียงมากพอ ที่จะจับมือกันรอบหน้า ก็ไม่มีอะไรน่าเกลียด 

 เช่นเดียวกับ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส ในฐานะ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ  ให้สัมภาษณ์สื่อในท่วงทำนองที่แตกต่างกันนัก 
 
 การจัดตั้งรัฐบาล ตนก็เชื่อว่าทุกคนอยากจะทำงานร่วมกันต่อไป ยืนยันว่าไม่มีการขัดแย้งกัน ถึงเดินหน้ามาได้ 4 ปี ถ้ามันขัดแย้งกันก็คงล้มไปแล้วรัฐบาล ชัยวุฒิ ระบุ 
 แน่นอนว่าท่าทีเช่นนี้ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อใครก็ตามที่หวังว่า จะได้มีโอกาส ถูกดึงเข้าร่วมรัฐบาลรอบหน้า เพราะจะเท่ากับว่าพวกเขาจะต้อง พลาด รถไฟสายครม. ไปโดยปริยาย หรือไม่ 

 โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่ ประเมินแล้วว่า น่าจะจับมือกับ บิ๊กป้อมพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ผู้มากบารมีและมากคอนเนคชั่น ไม่ว่าจะเป็น พรรคเพื่อไทย และพรรคเสรีรวมไทย ที่อาจต้องลุ้นว่าจะได้พลิกขั้วหรือไม่ !?