แสงไทย เค้าภูไทย
ภาพชาวเคนยานับหมื่นชุมนุมประท้วงขับไล่นายทุนจีนเหตุห้างจีนเข้าไปดัมพ์ราคาสินค้าต่ำกว่าร้านค้าท้องถิ่นถึง 45-50% จนกิจการเจ้าของบ้านล่มสลาย อีกด้านทุนจีนถอนจาก กัมพูชาทำเศรษฐกิจกัมพูชาพินาศขณะที่ลาวถูกครอบงำเศรษฐกิจอยู่ในกำมือทุนจีน ส่วนไทยเอสเอ็มอีกำลังถูกทุนจีนเข้าครอบงำและแทนที่
ขณะที่บ้านเรากำลังมีปัญหากับทุนจีนสีเทาและการสร้างชุมชนธุรกิจจนเกิดไชน่าทาวน์ยุคใหม่ ทั้งที่เยาวราช ห้วยขวาง ทั้งเชียงใหม่และเขตชายแดนด้านเหนือ
หลายประเทศที่ทุนจีนเข้าไปลงทุนเริ่มแสดงปฏิกิริยาต่อต้าน โดยเฉพาะในแอฟริกาที่ส่วนใหญ่เป็นประเทศกำลังพัฒนาหรือยากจน
ทุนจีนเข้าไปในรูปนักบุญ คือการช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ แต่ต่อมาลงทุนในกิจการที่สามารถแสวงหากำไรได้มาก เช่นธุรกิจการค้าโมเดิร์นเทรด
เคนยาเป็นประเทศหนึ่งที่กำลังพัฒนา จีนเข้าไปตั้งศูนย์การค้าทันสมัย จากนั้นนำสินค้าจีนเข้าไปวางขายในราคาที่ถูกกว่าสินค้าเจ้าถิ่นถึง 45-50%
ทำให้ร้านค้าปลีกของชาวเคนยาพากันขาดทุนอย่างหนักจนถึงกับปิดร้านกันเป็นแถว สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวเคนยาจนอดรนทนมาได้พากันออกมาประท้วงขับไล่ทุนจีน
รูปแบบการลงทุนของจีนในเคนยาไม่ต่างจากการลงทุนในไทยในขณะนี้นัก
ทุนจีนเคลื่อนเข้าสู่ประเทศกำลังพัฒนาและชาติรายได้ปานกลางย่านแอฟริกาและอาเซียนอย่างหนักทั้งลงทุนการค้าธุรกิจเปิดเผยและทั้งธุรกิจสีเทา
ก่อนหน้านี้ จีนลงทุนในกัมพูชาขนานใหญ่ โดยเฉพาะสีหนุวิลล์ ที่เป็นทั้งเมืองท่าและสถานที่ตากอากาศ โดยทุนจีนตั้งเป้าหมายให้เป็นเสมือนภูเก็ต พัทยาของไทย
นอกจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นที่ตั้งกาสิโนขนาดใหญ่ มีสิ่งปลูกสร้างเป็นอาคารทันสมัยหลายสิบชั้น
จนเป็นเมืองทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในอาเซียนจนได้รับการขนานนามว่า “มินิไชน่า”
แต่จากการคาดการณ์ที่ผิด เป้าหมายที่ทุนจีนตั้งไว้คือนักท่องเที่ยวจากโลกตะวันตก โดยเฉพาะจากอเมริกากลับไม่เข้าเป้า
เพราะฝรั่งยังคงนิยมมาเที่ยวเมืองไทยเหมือนเดิม ไม่ยอมไปหรือแม้แต่แวะสีหนุวิลล์
ยิ่งกว่านั้น กาสิโนที่ตั้งเป้าหมายดึงดูดนักพนันไทยก็ไม่มีแขกตามเป้าหมาย จึงมีการหันมาทำธุรกิจสีเทา
ในที่สุดทุนจีนก็ทิ้งสีหนุวิลล์จนแทบจะเป็นเมืองร้างอาคารทันสมัยทั้งหลายแหล่กลายเป็นตึกร้างทรุดโทรม
สำหรับไทย ทุนจีนเข้ามาตั้งร้านค้าและกิจการตั้งแต่ปี 2564 โดยเปิดร้านแบบโมเดิร์นเทรดขนาดเล็กตามสถานที่ที่มีผู้คนชุมนุมเช่นสถานีรถไฟฟ้า สถานที่ท่องเที่ยว ย่านการค้าดั้งเดิมเช่นสามย่าน(จุฬาฯซอย 5) ย่านชุมชนจีนดั้งเดิมหรือไชน่าทาวน์เยาวราช ใกล้สถานทูตจีนห้วยขวาง ฯลฯ
สินค้าในห้างจีนราคาถูกกว่าสินค้าในห้างสรรพสินค้าไทยมาก เพราะเป็นสินค้าจีนล้วน สั่งโดยตรงมาจากจีนมีทุกอย่างที่สามารถแทนที่สินค้าไทยได้
ซูเปอร์มาร์เก็ตของทุนจีนนั้น จะมีที่สังเกตง่ายๆคือชื่อห้างทุกแห่งจะมีป้ายชื่อร้านเป็นภาษาจีนตัวใหญ่บางแห่งมีภาษาเดียว บางแห่งมีภาษาไทย คู่หรือบางแห่งมี 3 ภาษา จีนไทย อังกฤษ
แต่ไม่ว่าจะแห่งไหน ที่ขาดไม่ได้คืออักษรภาษาจีนเป็นหลัก
นั่นคือธุรกิจการค้าแบบเปิดเผย แต่ที่แทรกซึมทำกันมาเงียบๆนานแล้วก็คือธุรกิจสีเทา
ตั้งแต่ทัวร์ศูนย์เหรียญ แหล่งบันเทิง บ่อนกาสิโน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ย้ายมาจากสีหนุวิลล์ ค้าอาวุธ ยาเสพติด ค้ามนุษย์และอาชญากรรมทุกรูปแบบราวกับอั้งยี่ยุคเสื่อผืนหมอนใบ
จนมีการเรียกขานกระบวนการอาชญากรรมของทุนจีนสีเทานี้ว่า “อั้งยี่ 4.0”
การที่ทุนจีนสีเทาเข้ามาฝังรากหยั่งลึกในไทยได้นั้น ก็ด้วยเหตุไทยเป็นเมืองเปิด ยึดถือการค้าเสรีและถือเอาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นจักรกลสำคัญในการนำรายได้เข้าประเทศ
จึงเกิดช่องว่างให้ทุนสีเทาสอดแทรกเข้ามากับธุรกิจ กิจการด้านการท่องเที่ยว อย่างเช่นทัวร์ศูนย์เหรียญเป็นต้น
นอกจากนี้ ไทยยังมองว่าจีนเป็นมหามิตรหวังพึ่งพาจีนทั้งในด้านการเมืองและเศรษฐกิจ
ดัชนีจีนหรือ China Index ของไต้หวันที่ทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลและบทบาทของจีนชี้ว่า ไทยเป็นชาติอันดับ 3 ของโลกที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลจีนอย่างแนบแน่น รองจากสิงคโปร์และปากีสถาน
อันที่จริงน่าจะมีศรีลังกาที่ล้มละลายแล้วจีนเอาทุนเข้าไปอุ้มกับลาวที่จีนครอบงำทุกด้านแล้ว ด้วยเงินทุนทั้งเงินกู้และให้เปล่า
จนสามารถสร้างทางรถไฟความเร็วสูงมาประชิดติดแม่น้ำโขฝั่งตรงข้ามกับไทย
รอไทยสร้างทางรถไฟไปบรรจบ ก็จะเชื่อมกับจีนที่คุนหมิงได้โดยสะดวก
เชื่อมได้เมื่อไร สินค้าจีนจะมาสู่ไทยในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน
นี่คือมหันตภัยจีนยุคใหม่ที่แม้แต่ลูกหลานเหลนจีนในไทยจากยุคเสื่อผืนหมอนใบก็ยังหวาดผวา