การมาของ เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ทำเอาบรรยากาศที่พรรคเพื่อไทย คึกคักอีกครั้ง    เพราะอย่างน้อยที่สุด หลายคนในพรรคเพื่อไทยต่างรับรู้ได้เป็นอย่างดีว่า วันนี้ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร  หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย อยู่ในสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยในการหาเสียงเท่าใดนัก 


 รวมถึง ยังพบว่า ยิ่งนานวัน กระแสของพรรคเพื่อไทยกลับไม่เปรี้ยงปร้างมากพอ  หากนำไปพิจารณากับ เป้าหมาย การชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์  และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อล่าสุด ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาพูดผ่านคลับเฮ้าส์ว่า พรรคเพื่อไทย น่าจะมีโอกาส ได้ส.ส.มากเป็นพรรคอันดับหนึ่ง 


 ดังนั้นการปรากฏตัวของเศรษฐา   เดินทางเข้าพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 1 มี.ค.66  จึงเป็นเหมือน ความหวังใหม่ เมื่อเพื่อไทย ได้ ผู้เล่น มาเสริมทีม และพร้อมที่จะชูจุดขายด้านนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์  


 พร้อมทั้งหวังว่านี่อาจเป็นเครื่องเปรียบเทียบ และสู้กับ กระแสลุงตู่  เบรกเสียง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ พรรครวมไทยสร้างชาติและว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ 


 ทั้งนี้การมาของเศรษฐา  เจ้าตัวระบุว่า เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ได้มีส่วนร่วมในการให้คำปรึกษา และพูดคุยกับผู้ใหญ่ภายในพรรคมาโดยตลอด วันนี้เป็นฤกษ์ดีที่ถึงเวลาแล้วที่ต้องมาทำงานการเมืองให้มากขึ้น ส่วนการเดินหน้าทำการเมืองเพื่อรณรงค์ไปสู่การเลือกตั้งขอให้เป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งตลอดการหาเสียงช่วงที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร  ทำได้ด้วยดีมาโดยตลอด 


 แต่ทั้งเขาเองก็ยอมรับว่า แพทองธาร วันนี้เธอเองตั้งครรภ์ 7 เดือนแล้ว จึงมีขีดจำกัด และส่วนตัวก็พร้อมที่จะมาช่วยในลักษณะที่ถนัด
 ทว่าความชัดเจนที่หลายคนทั้งในเพื่อไทย และคนนอก ทั้งพันธมิตรไปจนถึง ฝั่งตรงข้าม อยากฟังมากที่สุด คือคำตอบที่ว่าเศรษฐา จะมาเป็น แคนดิเดตนายกฯ  ของพรรคเพื่อไทย หรือไม่ ? 
 

แต่เศรษฐา ได้เลือกที่จะแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่ตอบชัดเจนว่าเขาคือแคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทยหรือไม่  บอกเพียงว่า เรื่องนี้ต้องให้เป็นระบอบพรรคการเมือง  ตนไม่ใช่คนตัดสิน ต้องให้เกียรติผู้บริหารพรรค  ที่สำคัญขณะนี้ยังไม่ยุบสภาฯ ขอทำหน้าที่ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยก่อน 

 สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทย เวลานี้อาจต้องปรับกลยุทธ์เพื่อเรียกกระแส ดึงเรทติ้งอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเปลี่ยนตัว ผู้เล่น ไปพร้อมๆกับเดินเกมทั้งใต้ดินบนดิน ไม่เช่นนั้นหากกระแสของพรรคยิ่งถดถอย จะส่งผลต่อ การต่อรองทางการเมือง ตามมาทันที 
 เพราะล่าสุด หากมองกลับไปพรรคพลังประชารัฐ เองมีแกนนำออกมาส่งสัญญาณแล้วว่า พรรคไม่เคยมี เปิดดีล กับพรรคเพื่อไทย เป็นการคาดการณ์ไปเองของ คนนอก ไปเองทั้งสิ้น 

 และมีการสำทับตามมาด้วย บทสัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าได้ถามพล.อ.ประวิตร แล้วได้รับการยืนยันว่า พล.อ.ประวิตรไม่เคยไปรับปากใดๆ กับพรรคไหน ทั้งสิ้น เหมือนกัน !