สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ว่าจะขยายตัวได้ 2.7-3.7% (ค่ากลางที่ 3.2%) ลดลงจากเดิมที่เคยประมาณไว้ (พ.ย.65) อยู่ที่ 3.0-4.0% (ค่ากลางที่ 3.5%) โดยมองว่าภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวจะเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีนี้

ทั้งนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าไทยในปีนี้ คาดว่าจะมีจำนวน 28 ล้านคน สร้างรายรับ 1.31 ล้านล้านบาท ด้านอัตราแลกเปลี่ยน คาดว่าจะอยู่ในกรอบ 32.30-33.30 บาท/ดอลลาร์ ภายใต้สมมติฐานเศรษฐกิจโลกในปีนี้ขยายตัว 2.6% และปริมาณการค้าโลกขยายตัว 2% และราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปีอยู่ในช่วง 80-90 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำหรับปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยปีนี้ ได้แก่ 1) การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว 2) การขยายตัวของการลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ 3) การขยายตัวในเกณฑ์ดีต่อเนื่องของการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน และ 4) การขยายตัวในเกณฑ์ดีของภาคเกษตร

โดยในปี 2566 นี้ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวจะเป็นเครื่องยนต์สำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ โดยสภาพัฒน์ได้ปรับประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ขึ้นเป็น 28 ล้านคน จากเดิม 23 ล้านคน โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเปิดประเทศของจีน และคาดว่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นเป็น 6-7 หมื่นบาท/คน/ทริป

ในขณะที่การส่งออกไทยในปี 2566 คาดว่าจะหดตัว 1.6% ที่มูลค่า 2.98 แสนล้านดอลลาร์ จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 1% ส่วนการนำเข้าคาดว่าจะหดตัว 2.1% ที่มูลค่า 2.68 แสนล้านดอลลาร์ จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 1.6% ดุลการค้าคาดว่าเกินดุล 12.1 พันล้านดอลลาร์ ดุลบัญชีเดินสะพัดคาดว่าเกินดุล 8.6 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 1.5% ต่อ GDP อัตราเงินเฟ้อทั่วไป 2.5-3.5%

เช่นเดียวกับ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยที่ 3.7% ซึ่งสูงกว่าประมาณการของสภาพัฒน์ที่ 2.7-3.7% (ค่ากลางอยู่ที่ 3.2%) จากแรงหนุนของภาคการท่องเที่ยวที่ยังคงจะเป็นขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยต่อเนื่องไปในปีนี้ แม้การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจกดดันการส่งออกไทยให้หดตัวเล็กน้อยในปีนี้

ที่น่าสนใจและจับตาก็คือ เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ปี 2565 ที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. แถลงระบุว่า ปรับลดลงจากไตรมาสที่ 3 1.5% ซึ่งหากในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เศรษฐกิจปรับตัวลดลงอีกไตรมาสจะถือว่าเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคได้

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยของนักท่องเที่ยวจีนที่เปิดประเทศ และมาตรการต่างๆที่จะออกมาเพื่อรองรับ ยิ่งในช่วงใกล้เลือกตั้ง ที่จะต้องเชิดหัวตัวเลขเศรษฐกิจให้พุ่งขึ้น