สถาพร ศรีสัจจัง

ที่จริงมีข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมโลกก่อนปีค.ศ.2000 เสียด้วยซ้ำ ที่ยืนยันและระบุชัดได้ว่า “โลกกำลังวิกฤติ”และสังคมชาติพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “มนุษย์” (Homo sapien) มีแนวโน้มจะต้องพินาศล่มสลายลงอย่างแน่นอน !         

ก่อนปีค.ศ.2019 มีข้อมูลระบุว่า โลกกำลังมีปัญหาวิกฤติเผชิญหน้าอยู่(ทั้งหมดล้วนเกิดจากฝีมือมนุษย์)อยู่อย่างน้อย 10 ประการด้วยกัน (อ้างอิงจาก(:https://WWW.weforum.org/Agenda/2019/02.) ได้แก่ :   

1.การสูญเสียความหลากหลายทางธรรมชาติและวัฒนธรรม/ 2.ปัญหาก๊าซไนโตรเจน/3.ปัญหาวิกฤติภูมิอากาศ(Climate change)/4.ปัญหาจากฟอสฟอรัส/5.ปัญหามหาสมุทรเป็นกรด/6.ปัญหาการทำลายป่าและการใช้ที่ดิน/7.ปัญหาน้ำจืด/8.ปัญหาการสูญเสียชั้นโอโซน(โลกร้อน)/9.ปัญหามลพิษทางเคมี/10.ปัญหามลพิษทางอากาศในชั้นบรรยากาศ…          

ที่จริงปัญหาเกี่ยวกับ “วิกฤติโลก” ดังกล่าวนี้ ล้วนไม่ใช่ของใหม่แต่อย่างใด อย่างน้อยในบรรดาปกรณัมโบราณของบรรดา “มหาคัมภีร์” ทั้งหลายโดยเฉพาะของชาติที่เป็น “แหล่งอารยธรรม” เก่าแก่ของชาวตะวันออกอย่างอินเดีย เปอร์เซีย และ จีน ล้วนกล่าวถึงเรื่องดังกล่าวนี้ไว้มากมาย จนนักสร้างภาพยนตร์บางแห่ง เช่น “บอลลีวูด” ของอินเดีย ได้นำเรื่องจากปกรณัมโบราณตามคติฮินดูที่เกี่ยวเรื่องดังกล่าวนั้น มาสร้างเป็น “ซีรี่ส์” จน “ขายได้ขายดี” ไปทั่วโลก(โดยเฉพาะในเมืองไทย)             

แต่ที่น่าสนใจก็คือ “วิถี” หรือ “ระบบ” ที่ว่ากันว่าเป็นต้นเหตุของการสร้างภาวะ “วิกฤติโลก” หรือ “ทำลายโลก” ให้เกิดขึ้นนั้น  ฟังว่าล้วนแล้วแต่มีรากมีเหตุมาจากระบบที่เป็น “แนวคิด” และ “ระบบการพัฒนา” ของชาติตะวันตก (อัสดงคตประเทศ)แทบจะทั้งสิ้น   

เริ่มจากวิธีคิดพื้นฐานทางปรัชญาในการอธิบายเกี่ยวกับ จักรวาล โลก และ มนุษย์ ของบรรดานักคิดนักปรัชญาชาวกรีก ที่มักใช้เครื่องมือเชิง “ปริมาณ” ทางคณิตศาสตร์และฟิสิกส์เป็นฐานคิด    

สิ่งเกิดขึ้นตามมาจากฐานคิดเหล่านั้นซึ่งทรงพลังที่สุด มีผลร้ายทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อ จักรวาล โลก และมนุษยชาติ มากที่สุด ก็คือ “ระบบระบบเศรษฐกิจ การเมือง” (Political Economy)ชุดหนึ่ง 

ซึ่งภายหลังได้พัฒนากลายเป็นระบบเศรษฐกิจ การเมือง กระแสหลักที่ทรงอิทธิพลสูงสุด มีอำนาจในการโปรแกรมระบบคุณค่าที่เป็น “โครงสร้างชั้นบน” (อันได้แก่ความคิด คติความเชื่อ รสนิยม และสิ่งที่เรียกว่า “วัฒนธรรม” ทั้งหลายทั้งปวง)แผ่คลุมอยู่เหนือจิตวิญญาณของ “มนุษยโลก” ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน

นั่นคือระบบเศรษฐกิจ การเมืองที่รู้จักกันในนาม “ระบบทุนนิยมบริโภคเสรี”!               

ระบบดังกล่าวนี้มีเป้ามุ่งอยู่ที่ต้อง “แปร” ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกให้กลายเป็น “สินค้า” (Product หรือ Goods) ที่สามารถประเมินค่า หรือตั้ง “มูลค่า” ได้ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นวัตถุธรรม (เช่น คน-สัตว์-สิ่งของ ฯ )หรือสิ่ง “นามธรรม” เช่น ระบบคุณค่าทั้งหลายทั้งปวงที่จับต้องไม่ได้(แต่สัมผัสรู้ถึงคุณค่าได้ด้วย “ใจแบบมนุษย์”) เช่น ประเพณี พิธีกรรม และคตินิยมต่างๆ เป็นต้น  

ที่ต้อง “แปร” ทุกอย่างให้ “เป็นสินค้าที่มีมูลค่า” นี้ ก็เพื่อให้สามารถ “จัดการ” และ “ประเมิน” ได้ว่า สิ่งนั้นมี “จำนวนนับ

“ ที่เป็น “ต้นทุน” ที่แท้จริงเท่าใด  เพื่อจะทำให้สามารถกำหนด “ราคา” ที่จะส่งผลให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “กำไร” ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสูงสุดของระบบนี้ได้!

นักคิดร่วมสมัยคนสำคัญๆของสังคมไทยหลายคนสรุป “หัวใจ” ของระบบดังกล่าวนี้เป็น “วาทกรรม” สั้นๆได้เพียงว่า คือระบบที่ “เงินเป็นใหญ่ กำไรสูงสุด”!

กล่าวเฉพาะเรื่องความหายนะของเผ่าพันธุ์มนุษย์ซึ่งเกิดจากภาวะ “โลกวิกฤติ” ที่กำลังเกิดขึ้นเชิงประจักษ์อยู่ในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นเรื่องโลกร้อน แผ่นดินไหว วาตภัย อุทกภัย และอื่นใดนั้น ถ้าเป็นคนที่สนใจติดตามเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง ก็จะพบว่า มีกระแสแนวคิดสำคัญๆของกลุ่มคนที่ต่อต้าน “กระบวนทัศน์หลัก” ( Main paradigm) ซึ่งเป็นเหตุเบื้องต้นแห่งการทำลายโลกดังที่กล่าวมาอยู่ไม่น้อย ทั้งในอดีตและปัจจุบัน

“กระบวนทัศน์กระแสหลัก” ที่บรรดานักคิดเชิงสร้างสรรค์ทั้งหลายเชื่อกันว่าเป็นต้นเหตุก่อให้เกิดภาวะ “วิกฤติโลก” ก็คือกระบวนทัศน์ที่เรียกกันในเชิงวิชาการว่า “แนวคิดการยึดเอามนุษย์เป็นศูนย์กลาง” ( Anthropocentric worldview)ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ชาติพันธุ์มนุษย์(Homo sapien) เริ่มเข้าสู่ยุคเกษตรกรรมเมื่อสักประมาณ 8,000 ปีที่แล้ว

แนวคิดนี้เชื่อว่า สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่มีอยู่บนโลกธรรมชาติใบนี้ เป็นสิ่งที่สามารถนำมาใช้เพื่อประโยชน์ตนได้ทั้งสิ้น! นั่นก็คือทรรศนะที่เชื่อกันต่อๆมาว่า “มนุษย์ยิ่งใหญ่ที่สุด” หรือ “มนุษย์มีเสรีและศักยภาพสูงสุดเหนือสิ่งอื่นใด” ฯลฯ

แนวคิดดังกล่าวนี้ค่อยๆพัฒนาและสั่งสมเชิงปริมาณในการทำลายสรรพสิ่งในโลกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแบบทวีคูณ จนปรากฏภาพหายนะอย่างที่รับรู้และเห็นกันได้เชิงประจักษ์ชัดเป็นรูปธรรมอยู่ในปัจจุบัน(น้ำท่วม/ภูเขาไฟปะทุ /แผ่นดินไหว /วาตภัย /โลกร้อน /โรคระบาด และ คนตาย ฯลฯ)

แล้วแนวคิดที่ต่อต้านแนวคิด “การยึดเอามนุษย์เป็นศูนย์กลาง” ละคืออะไร? มีมาตั้งแต่เมื่อไหร่? มีเนื้อหาด้านแนวคิดอย่างไรบ้าง? ในเมืองไทยและเกิดมีเผ่าพันธุ์พวกที่มีแนวคิดดังกล่าวนี้กันบ้างแล้วหรือยัง? ฯลฯ!!!