ยูร ไทรโยค
เวลาฝนตกหนัก น้ำฝนที่ไหลเซาะมาตามพื้นดินที่เรียกว่า ทางน้ำไหล ซึ่งเขียนถึงในตอนที่แล้วว่า น้ำฝนไหลมาจากน้ำตกไทรโยคน้อย ชาวบ้านนิยมเรียกสั้น ๆ ว่าน้ำตก เป็นที่รู้กัน ไม่ใช่ไทรโยคใหญ่แน่นอน ผมจึงขอเรียกสั้น ๆ ในที่นี่ว่า น้ำตก
ผมมีโอกาสไปเที่ยวน้ำตกครั้งแรกตอนที่เพื่อนกับภรรยาไปเยี่ยม ทั้งที่อยู่ห่างจากบ้านไม่กี่กิโลเมตร เป็นปีแรกที่ผมมาอาศัยอยู่ที่ไทรโยคน้อยได้ไม่ถึงปี ช่วงก่อนไวรัสโควิด 19 จะมาเยือน
ช่วงสายวันหนึ่ง มีรถปิกอัพวิ่งมาชะลอจอดหน้าบ้าน ผมเพิ่งล้างชามเสร็จพอดี พอหันไปมอง ก็งงนิดหน่อย พอเห็นหน้าชัดพร้อมกับเสียงทักทายที่ผมจำเสียงของเขาได้ไม่เคยลืม แม้เวลาจะผ่านมาร่วม 40 ปีแล้วก็ตาม
เขายกมือไหว้ผมพร้อม ๆ กับภรรยา เพื่อนของผมคนนี้ชื่อประ ภัศร์ งามเถื่อน เป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย บ้านอยู่ที่จังหวัดอำนาจเจริญ คุยโลน์กันประจำ ตอนหลังไม่ค่อยได้คุย เขาหายเงียบไปเลย อยู่ ๆ ก็โผล่มาให้ “เซอร์ไพร้ส์” โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า
เขามาพร้อมกับภรรยา ผมเจอภรรยาของเขาเป็นครั้งแรก ชื่อครูเอียด เกษียณข้าราชการครูเหมือนเพื่อนของผม ครูเอียดเป็นคนขับรถให้ เขาบอกว่าคิดถึง อยากมาเยี่ยม เดี๋ยวจะมาไม่ไหว สุดท้ายไม่ใช่เขามาเยี่ยมผมไม่ไหว แต่เขามาไม่ได้ตลอดชีวิต ชีวิตมนุษย์เกิดมาพร้อมกับชะตากรรมทุกคน สุดแท้จะเป็นไปแบบไหน
เขาบอกว่ามาถึงเมื่อคืนนี้ ใช้จีพีเอส พักที่เนินปากแซงรีสอร์ท บอกเจ้าของรีสอร์ทว่ามาเยี่ยมเพื่อน เป็นนักเขียน เจ้าของรีสอร์ทรู้จักผม เลยชี้ทางให้ ผมแปลกใจมาก ผมไม่ใช่นักสเขียนดัง ต่อให้เป็นนักเขียนดัง ก็ยากหรือไม่มีทางที่คนจะรู้จัก ถ้าผมเป็นดารา ก็อีกเรื่องหนึ่ง
“หาบ้านเจอได้ยังไง”ผมถามด้วยความสงสัย
“ตอนขับเข้ามาในซอย เจอคนหนึ่ง หัวล้าน บอกว่ารู้จักบ้าน เขาเรียกอาจารย์”
ผมพยักหน้าร้องอ๋อ เป้นั่นเอง บ้านอยู่กลาง ๆ ซอย มีรถรับจ้างสองคัน เรานั่งคุยกันที่โต๊ะไม้เก่าหน้าบ้านด้วยความสุข ซึ่งเป็นการพบปะเพื่อนสนิทด้วยความสุขครั้งสุดท้ายในชีวิต นึกถึงเมื่อไหร่ก็รู้สึกสะท้อนใจ คุยกันได้สักพัก เขาบอกว่า
“จะกลับแล้ว ไม่รบกวนแล้ว ตามสบาย”
“รบกวนอะไร ตั้งกี่สิบปี” ผมท้วง “ไปกินข้าวเที่ยงก่อน ค่อยกลับ”
เขากับภรรยายิ้มด้วยความยินดี เราถ่ายรูปด้วยกันหลายรูปก่อนออกจากบ้าน ผมพาเขาไปที่
เขาโทนล่าง แวะจอดที่ร้านขายของเบ็ดเตล็ดที่สนิทกัน เพื่อนบ้านคนนี้ชื่อติ๋ม ผัวชื่อตุ๋ย(ภาษาชาวบ้านเขาไม่เรียกสามี มันเพราะเกินไป)
ลูกสองคนสวยทั้งสองชื่อเปิ้ลกับเปรี้ยว มีผัวแล้วทั้งสองคน ผมกับเพื่อน ๆ เคยพูดในวงเหล้าที่กรุงเทพฯว่า อย่าว่าแต่คนสวยมีผัวเลย คนตาบอดยังมีผัวแล้ว ยุคโซเชียล เน็ตเวิร์ค ยิ่งกว่านั้น พูดกันว่า คนขาขาดยังมีผัวแล้ว ไม่เชื่อไปค้นดูในเน็ตได้
ผมแนะนำให้ติ๋มรู้จักเพื่อนและภรรยาของเพื่อน สั่งลูกชิ้นนึ่งมาเลี้ยง ผมสั่งเบียร์กระป๋องเล็กมาดื่ม ประภัศร์เป็นโรคไตและหลายโรค ดื่มไม่ได้ น้ำจิ้มเค็ม ก็กินไม่ได้ สั่งน้ำเปล่าขวดให้ จากนั้นผมก็พาไปร้านอาหารที่มีปลาแถวชุมชนปากแซง จะได้เที่ยวชมธรรมชาติระหว่างทางด้วย
แวะสองร้าน ไม่มีปลา จึงบอกครูเอียดขับออกไปถนนใหญ่ แวะร้านครัวเจ้าสัว วันนี้ไม่มีปลา นึกได้ ตรงดิ่งที่ที่ครัวไอซ์ อยู่เลยไปไม่ไกล เป็นร้านเก่าแก่และใหญ่โต ทัวร์จะลงร้านนี้ รวมทั้งนักท่องเที่ยว
เพื่อนของผมได้กินปลาสมใจ เป็นอาหารย่อยง่าย เหมาะกับคนเป็นโรคไต เมนูปลาหมด ตอนจ่ายเงิน ครูเอียดบอกว่าขอเป็นเจ้ามือจ่ายเอง ผมพยักหน้า เพราะขัดไม่ได้ สองสามีภรรยาเกษียณราชการครู ได้บำนาญเดือนหนึ่งรวมกันร่วมแสนบาท จากนั้นมุ่งสู่น้ำตกไทรโยคน้อยที่อยู่ใกล้ ๆ ราว 200 เมตร ช่วงที่เพื่อนมาเยี่ยม รู้สึกจะเป็นช่วงเทศกาลอะไรซักอย่าง มีรถจอดที่ลานจอดรถหน้าน้ำตกหลายคัน
น้ำตกไทรโยคน้อยตั้งอยู่ไม่ห่างจากถนนใหญ่มากนัก ทำให้เป็นที่นิยมของนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เราเดินขึ้นตามบันไดปูนสูงลาดชัน ครูเอียดต้องช่วยจูงเพื่อนของผมเดินขึ้นไป ภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตาคือหัวรถจักรไอน้ำที่ทางอุทยานแห่งชาติไทรโยค ได้นำมาตั้งไว้ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีการสร้างทางรถไฟสายมรณะไปยังประเทศพม่า ซึ่งมีเส้นทางผ่านมาที่บริเวณหน้าน้ำตกแห่งนี้
น้ำตกไทรโยคน้อย เดิมชื่อน้ำตกเขาพัง เป็นชื่อเก่าแก่ที่ชาวบ้านเรียกขาน มีลักษณะเป็นหน้าผาหินปูนที่พังทลายลงมา อันเป็นที่มาของชื่อ “น้ำตกเขาพัง” ต้นน้ำเป็นน้ำผุดมาจากภูเขาแล้วไหลเซาะลงมาตามผาหินปูนชั้นต่างๆ มีความสูงประมาณ 15 เมตร แผ่กระจายลงไปตามพื้นเขาและแอ่ง จึงเป็นแอ่งน้ำใสสะอาด ช่วงที่เราไปเที่ยวเป็นฤดูน้ำหลาก เสียงน้ำตกไหลพรั่งพรูดังซู่ซ่าลงมาเป็นสายสีขาวสวยงาม มีคนลงเล่นน้ำในแอ่งน้ำที่มีน้ำเต็มเปี่ยมอย่างสนุกสนาน
รอบๆ บริเวณน้ำตกอุดมด้วยต้นไม้เขียวชอุ่มขับบรรยากาศให้สดชื่น งามตา เราถ่ายรูปกันหลายรูปและถ่ายคลิปกับประภัศร์ด้วย ท่ามกลางผู้คนที่เดินสวนไปมาตามทางเดินและเสียงอันไพเราะของน้ำตก
หลายคนเดินไต่ไปตามแนวชั้นหินปูนจากด้านล่างขึ้นไปด้านบนใกล้น้ำตกที่ดังซ่า บางคนเดินไปยืนอยู่ใต้น้ำตกที่ไหลพรั่งใส่ตัว บางครั้งมีเสียงดังตูมของคนที่กระโดดลงไปเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน เป็นบรรยากาศที่น่าอภิรมยิ่งนัก ผมเห็นรอยยิ้มอันอิ่มเอมใจของเพื่อนและภรรยา นั่นคือรอยยิ้มครั้งสุดท้ายที่ได้เห็น
พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาที่จังหวัดกาญจนบุรีถึง 6 ครั้ง โดยเฉพาะปีพ.ศ. 2431 ได้เสด็จประพาสน้ำตกไทรโยคน้อยและในปี พ.ศ. 2506 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จประพาสโดยทางรถไฟมายังน้ำตกไทรโยคน้อย
ภายในบริเวณน้ำตกมีร้านอาหารไว้บริการ อยู่ห่างจากแอ่งน้ำไม่มาก ถือว่าได้เดินชมบรรยากาศโดยรอบ ถัดจากทางเดินแนวหินปูนด้านซ้าย มีพื้นที่ให้ได้นั่งพักผ่อนหรือปูเสื่อนอนได้อย่างสบายใจ คนมีครอบครัวอยากเปลี่ยนบรรยากาศ เอากับข้าวมานั่งกินกันได้ แต่มีข้อห้ามสำคัญก็คือ ห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามา
ช่วงที่ยังไม่มีไวรัสโตวิดระบาด นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติไปเที่ยวกันเยอะมาก เพราะเดินทางสะดวก โดยเฉพาะวันหยุดชาวต่างชาติ ทั้งฝรั่ง จีน เกาหลี ญี่ปุ่นนิยมเดินทางไปเที่ยวน้ำตกไทรโยคน้อย ด้วยรถไฟสายธนบุรี-น้ำตก ซึ่งเป็นรถไฟสายท่องเที่ยวที่มีเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์
ต้นทางจากสถานีรถไฟธนบุรี สุดสายที่สถานีรถไฟน้ำตก วันปกติค่าโดยสารจากสถานีรถไฟธนบุรี ตอนนี้ไม่ทราบว่าเท่าไหร่ แต่ไม่น่าเกิน 40 บาท รถไฟสายท่องเที่ยว น่าจะเป็นราคาพิเศษ แต่ชาวต่าง ก็อีกราคาหนึ่ง
ปลายทางที่สถานีรถไฟน้ำตกมีรถสองแถวคอยบริการ แต่เป็นรถเหมา นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินเท้า เพราะน้ำตกไทรโยคน้อยอยู่ไม่ไกลเกินไป เป็นการเดินออกกำลังได้เหงื่อไปในตัว และได้ชื่นชมธรรมชาติโดยรอบ ทั้งต้นไม้และภูเขา ล้อมรายบ้านไม้สมัยเก่าชั้นเดียว
ทุกคนสามารถเข้าไปเที่ยวชมน้ำตกไทรโยคน้อยได้ โดยไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่บาทเดี่ยวเหมือนอุทยานแห่งชาติส่วนใหญ่ ภายในน้ำตกนอกจากมีร้านอาหารบริการแล้ว ยังมีห้องน้ำอำนวยความสะดวก จะยิงกระต่าง หรือลงไปเล่นน้ำ แล้วอยากอาบน้ำ ก็ใช้บริการได้ตามอัธยาศัย
ก่อนกลับผมชวนเพื่อนประภัศร์และภรรยาไปที่ร้านหน้าน้ำตกไทยโยคน้อย ซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม มีร้านรวงตั้งเรียงรายอยู่ ขายของนานาชนิด โดยสินค้าพื้นเมือง เดินชมกันได้สักพัก เขาก็แวะซื้อร้านหนึ่ง ผมจึงซื้อเปลือกมะตูมย่างเป็นของฝาก
ประภัศร์กับภรรยาไปส่งผมที่บ้าน ร่ำลากันและจากกันตลอดกาล มีเพียงรูปถ่ายของเพื่อนเป็นที่ระลึกและอยู่ในความทรงจำเสมอมา