เสือตัวที่ 6

ในขณะที่กลุ่มคนเห็นต่างจากรัฐและเห็นต่างจากคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ที่เรียกกลุ่มตนเองว่าขบวนการต่อสู้กับผู้ยึดครองเพื่ออิสรภาพในการปกครองดูแลกันเองในพื้นที่ปลายด้ามขวานของไทย หากแต่ฝ่ายรัฐเรียกคนกลุ่มนี้ว่าขบวนการแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกลุ่มคนในขบวนการเห็นต่างจากรัฐกลุ่มนี้มุ่งมั่นในความพยายามที่จะชี้นำและขยายผลความแตกต่างหลากหลายด้านกับคนส่วนใหญ่ของรัฐเสมอมา ทั้งความแตกต่างทางความเชื่อทางศาสนา ความแตกต่างในวิถีการดำรงชีวิตประจำวัน ความแตกต่างทางกายภาพการแต่งกายของคนในท้องถิ่น รวมทั้งความแตกต่างในชาติพันธุ์ที่สืบทอดกันมาจากอดีตสู่ปัจจุบัน ตลอดจนประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ฝ่ายขบวนการที่มุ่งขยายความแตกต่างของที่มาของคนในพื้นที่อย่างต่อเนื่องเป็นระบบ ในขณะที่ฝ่ายรัฐเองก็พยายามแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่างระหว่างคนในพื้นที่แห่งนี้กับคนส่วนอื่นของประเทศด้วยการชี้ให้เห็นว่าความแตกต่างที่ฝ่ายขบวนการร้ายแห่งนี้กำลังชี้นำและขยายผลเรื่อยมาเหล่านั้น กลับเป็นความสวยงามของความแตกต่างแบบที่เรียกว่าพหุวัฒนธรรมหรือดอกไม้หลากสีที่อยู่ในแจกันเดียวกันได้อย่างงดงาม

ในขณะที่ฝ่ายรัฐก็มุ่งมั่นในความพยายามที่จะบ่งบอกว่า ความเชื่อทางศาสนาของคนในโลก ต่างเป็นความเชื่อที่มนุษย์ทุกคนในโลกต้องเคารพในความเชื่อเหล่านั้นซึ่งกันและกัน รวมทั้งวิถีชีวิตที่แตกต่างหลากหลายก็เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ของความเป็นมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่หากแต่ทุกชีวิตก็ต้องเคารพในวิถีเหล่านั้นรวมทั้งสามารถอาศัยอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบสุข ตลอดจนความเป็นมาทางประวัติศาสตร์และชาติพันธุ์ที่ฝ่ายขบวนการพยายามชี้นำและขยายผลความแตกแยก ฝ่ายรัฐเองก็พยายามบ่งบอกให้เห็นว่าความเป็นมาของประวัติศาสตร์เหล่านั้นล้วนเป็นเรื่องราวในอดีตของมนุษยชาติที่ควรศึกษารากเหง้าของประวัติศาสตร์รวมทั้งประเด็นเชิงบทเรียนของข้อขัดแย้งของคนในอดีตเพื่อแสวงหาการอยู่ร่วมกันของคนรุ่นปัจจุบันอย่างปกติสุขอย่างยั่งยืน

ในขณะที่กลุ่มคนในขบวนการนี้ทั้งแกนนำและแนวร่วมที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจต่างมุ่งพยายามขจัดนโยบายหรือข้อบังคับรวมทั้งกฎหมายที่ในพื้นที่อันเป็นการลดศักยภาพการต่อสู้ของรัฐ ในทางตรงข้าม การมุ่งพยายามเหล่านั้นกลับเป็นการเสริมสร้างศักยภาพความแข็งแกร่งรวมทั้งโอกาสแห่งชัยชนะในการต่อสู้ของขบวนการแห่งนี้ให้มีมากขึ้นเป็นทวีคูณโดยโจมตีชี้นำผ่านสื่อทุกช่องทางที่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง อาทิ อาจารย์ท่านหนึ่งของคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในพื้นที่กล่าวอ้างผ่านข้อคิดที่ว่า จนถึงวันนี้ คนในพื้นที่ไม่ไว้วางใจกันด้วยสาเหตุจากความแตกต่าง ทั้งในเชิงภาษา วัฒนธรรม อัตลักษณ์ และศาสนา โดยอ้างว่า ความไว้วางใจความไว้เนื้อเชื่อใจลดลง เราจะเห็นการแบ่งกลุ่มก้อนของคนต่างศาสนิกค่อนข้างชัดเจนขึ้น ทั้งชี้นำความต่างด้วยเหตุผลตื้นๆ ว่า ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีประชากรราว 2 ล้านคน ที่ส่วนใหญ่กว่า 85% นับถือศาสนาอิสลาม ที่เหลือราว 15% นับถือศาสนาพุทธและศาสนาอื่น ในขณะที่ฝ่ายรัฐ ก็มุ่งความพยายามลดหรือขจัดความแตกต่างเหล่านั้น ด้วยกีฬาเชื่อมสัมพันธ์กับคนในพื้นที่ ให้คนต่างศาสนา ความเชื่อ ความศรัทธากลับมาเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยจะให้มีนักเตะทั้งคนเชื้อสายจีน คนไทยพุทธ และคนไทยมุสลิม เพื่อที่จะทำให้คนต่างศาสนิกได้มีปฏิสัมพันธ์กันโดยมีกีฬาเป็นตัวเชื่อมในการสร้างความไว้วางใจระหว่างกัน

ในขณะที่เยาวชนคนหนึ่งในพื้นที่ จ.ยะลา ให้ความเห็นที่สอดคล้องกับความเห็นต่างกับคนส่วนอื่นของพื้นที่ปลายด้ามขวานว่า สภาพแวดล้อมทั่วไปในพื้นที่แห่งนี้ที่มีด่านตรวจความมั่นคงอยู่ทั่วไปราวกับสนามรบ ส่วนตัวเขาจะรู้สึกกังวลทุกครั้งที่ต้องผ่านด่าน เพราะเคยเผชิญกับประสบการณ์ไม่ดีจากปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในวัยเด็ก เกิดเป็นบาดแผลทางจิตใจจนถึงทุกวันนี้ และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ทั้งการปิดล้อม-ตรวจค้น การใช้กฎหมายพิเศษ กลายเป็นคำถามใหญ่ในใจคนรุ่นใหม่ใน          3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดมา เขาจึงเสนอแนะว่าควรยกเลิกกฎหมายพิเศษ เพราะคิดว่าตลอดระยะเวลา 19-20 ปีที่ผ่านมา มันพิสูจน์หลายๆ อย่างแล้วว่ากฎหมายพิเศษที่ใช้มา มันไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้เลย มันกลับยิ่งสร้างเงื่อนไขและสร้างปัญหาเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือการเพ่งโทษคนในพื้นที่ว่าเป็นคนร้าย หรือเป็นพลเมืองชั้นรอง เป็นต้น ในขณะที่รัฐต้องมุ่งพยายามชี้แจงเหตุผลของการคงกฎหมายพิเศษในพื้นที่ก็เพราะการก่อเหตุรุนแรงของขบวนการร้ายแห่งนี้ยังดำรงอยู่ และที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ก็ใช้อย่างระมัดระวังเพียงเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ปัจจุบันภาครัฐก็พยายามปรับลดระดับกฎหมายพิเศษ เช่น จาก พ.ร.ก. ฉุกเฉินมาเป็น พ.ร.บ. ความมั่นคง ทุก 3 เดือน และมุ่งการยกเลิกไปเลยในอนาคตหากเหตุร้ายหมดไป

เหล่านั้นเป็นเพียงกรณีตัวอย่างที่ฝ่ายขบวนการแดนใต้มุ่งพยายามสร้างความแตกแยกให้เกิดในกลุ่มคนในพื้นที่ปลายด้ามขวานกับรัฐตลอดมา ทั้งยังพยายามคัดง้างนโยบาย ต่อต้านข้อบังคับ ยกเลิกกฎหมายที่จะใช้อำนวยความสงบเรียบร้อยมายังพื้นที่ ตลอดจนการตัดรอนงบประมาณที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนการต่อสู้ของรัฐที่มีต่อขบวนการร้ายแห่งนี้อย่างเอาจริงเอาจัง ฝ่ายรัฐก็ต้องมุ่งแสดงแถลงเหตุผลความจำเป็นที่จะต้องมีนโยบาย ข้อบังคับ กฎหมาย และงบประมาณที่ต้องใช้ โดยที่ฝ่ายรัฐก็ต้องดำรงความมุ่งหมายในการขับเคลื่อนความเข้าใจให้กับคนในพื้นที่และคนของรัฐอย่างเข้มข้นต่อไป ด้วยการแสดงเหตุผลความจำเป็นทุกการดำเนินการของรัฐ อันเป็นการต่อสู้ทางความคิดประการหนึ่งที่รัฐจะต้องก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคงในทุกองคาพยพ เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่นของคนในชาติท่ามกลางความแตกต่างดั่งดอกไม้หลากสีในแจกันเดียวกันอันงดงามยิ่งให้จงได้