แม้จะมีการยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่งดเทศกาลปีใหม่ แต่สัญญาณการติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะบรรดาผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อในระลอกที่ผ่านๆมา มาพบว่าติดเชื่อในระลอกนี้ อีกทั้งมีการพบว่าติดซ้ำอีกเป็นจำนวนมาก ยิ่งในเดือนธันวาคมเป็นเดือนที่มีวันหยุดยาวจำนวนมาก ประชาชนเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนย้ายถิ่นกัน จึงอาจเป็นปัจจัยให้มีการติดเชื่อเพิ่มมากขึ้น

ดังที่ ผศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า.. “โควิดรอบนี้ เป็นรอบเก็บตกจริงๆ เก็บตกพวกไข่ในหิน”

ทั้งนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นนี้ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “โควิด 19 ประชากรไทยติดเชื้อไปแล้วร้อยละ 60 ถึง 70” ตอนหนึ่ง ระบุว่า “จากการศึกษาของศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก จุฬา 2 โครงการ โครงการแรกเป็นการศึกษาในเด็กที่อายุ 5-6 ขวบ ในปีที่ผ่านมาโดยมีการตรวจเลือด 2 ครั้งห่างกัน 1 ปี จำนวนประมาณ 190 คน พบว่าในช่วงปีที่แล้ว หรือยุคเดลตา เด็กอายุนี้ใน กทม.ติดเชื้อไปแล้วประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ (2564) แต่เมื่อมาถึงปีนี้ (2565) มาถึงเดือนนี้ พบว่ามีการติดเชื้อไปแล้วเพิ่มสูงขึ้นอยู่ระหว่าง 60 ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของเด็กทั้งหมด และในจำนวนนี้ 35% เป็นการติดเชื้อแบบไม่มีอาการ หรือไม่รู้ว่ามีการติดเชื้อ จากการซักประวัติ ไม่ทราบว่ามีการติดเชื้อ แต่การตรวจเลือดพบหลักฐานของการติดเชื้อ แสดงให้เห็นว่ามีเด็กจำนวนมากที่เกิดการติดเชื้อไปแล้ว เป็นชนิดที่ไม่มีอาการ และไม่รู้ว่ามีการติดเชื้อไปแล้ว

ในขณะเดียวกันการศึกษาร่วมกับทางจังหวัดชลบุรี ทำการตรวจเลือดตั้งแต่ 6 เดือนจนถึง 80 ปี ขณะนี้ตรวจไปแล้ว ประมาณ 700 คน พบว่ามีการติดเชื้อไปแล้วจากหลักฐานของการตรวจเลือด และประวัติการติดเชื้อ อยู่ที่ประมาณ ร้อยละ 60-70 หลักฐานการตรวจเลือด ถ้าติดเชื้อมานานแล้ว โดยเฉพาะติดเชื้อเกินกว่าหนึ่งปี อาจให้ผลเป็นลบได้ การติดเชื้อส่วนใหญ่เกิดขึ้นในปีนี้ ในช่วงของการระบาดด้วยสายพันธุ์ โอมิครอน”

ดังนั้น แม้จะไม่มีการประกาศงดการจัดเทศกาลปีใหม่ แต่จะต้องดำเนินไปด้วยความระมัดระวัง บนพื้นฐานที่ยังตระหนักว่า โควิดยังอยู่

ประชาชนยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข ในการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง และกินช้วนใครช้อนมัน

ที่สำคัญคือ การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้นอย่างน้อย 4 เข็ม โดยเฉพาะบ้านใครที่มีกลุ่ม 608 ที่เป็นกลุ่มเปราะบาง ยกการ์ดขึ้นสักนิดเพื่อคนที่เรารัก